วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2554

ถึงพ่อ


อาจจะช้าไปบ้าง แต่คงไม่สายเกินไปนะ

วันที่27 พฤศจิกายน 2553 วันนี้วันเสาร์เช้า...พ่อต้องไปฟอกไตที่โรงพยาบาลศรีวิชัย ซึ่งเดิมต้องไปวันอาทิตย์ แต่เนื่องจากช่วง 3-4 วันที่ผ่านมาพ่อมีนัดกับหมอประจำตัวที่รพ.ศิริราชช่วงเช้า บ่ายต้องไปฟอกไตที่รพ.ศรีวิชัย เป็นแบบนี้ตลอด 4 วัน ทำให้พ่อบ่นว่าเหนื่อยมาก เช้านี้ผมเลยต้องตื่นไปส่งพ่อที่รพ.ตามปกติ

เรานั่งแท็กซี่ไปกันสองคนพ่อลูก ไปถึงที่โรงพยาบาลผมให้พ่อนั่งรอที่เก้าอี้ระหว่างรอทำการรักษา และบอกพ่อว่าถ้าเสร็จแล้วโทรมาบอกผมด้วยนะจะได้มารับ(เหมือนเดิมเพราะใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง) พ่อพยักหน้ารับแต่ดูสีหน้าพ่อเหนื่อยๆ จากนั้นผมก็หันหลังเดินกลับบ้านไป หารู้ไม่ว่านี่คือคำสนทนาสุดท้ายระหว่างพ่อกับผม

11.20 น.ระหว่างที่ผมนั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ผมเดินไปรับสาย ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิงน้ำเสียงดูสั่นเครือ
"นั่นลูกชายคุณลุงใช่มั๊ยคะ?"
อ้อ...ใช่ครับ
"ตอนนี้ให้รีบมาที่รพ.ด่วน เพราะคุณลุงหัวใจหยุดเต้นแล้วค่ะ"
ผมแทบช็อคกับสิ่งที่ได้ยินในวินาทีนั้น คิดอยู่สองวินาทีว่าจะบอกแม่ดีมั๊ย? แต่ก็คิดว่ายังไงก็ต้องรู้ ก็บอกแมไปว่าพ่อหัวใจหยุดเต้นต้องรีบไปโรงพยาบาลก่อนนะ แม่ดูตกใจกับสิ่งทีได้ยินมาก

วันนี้ไม่แน่ใจว่ามีอะไรหรือเปล่ารถติดมาก แม่โทรมาเช็คผมตลอดทางว่าถึงที่โรงพยาบาลหรือยัง? จากการจราจรดังกล่าวทำให้ผมเสียเวลาไปร่วมครึ่งชั่วโมง

มาถึงที่โรงพยาบาลก็พบว่าพ่อนอนที่เตียงในสุด มีอุปกรณ์การช่วยชีวิตเต็มไปหมด มีบุรุษพยาบาลและนางพยาบาลกำลังปั้มหัวใจ สมองผมอื้ออึ้งไปหมด ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดกับผมเร็วแบบนี้ พยาบาลแจ้งว่าพ่อทำการฟอกไตตามปกติ แล้วหลับไป แต่พยาบาลผิดสังเกตเนื่องจากเครื่องฟอกไตมีเสียงร้องเตือนและชีพจรพ่อหยุดเต้น ทางพยาบาลเลยให้ยากระตุ้นหัวใจและใช้เครื่องหายใจ ผมถามพยาบาลว่าถ้ายาหมดฤทธิ์หมายความว่าพ่อ...ใช่แล้ว แม่และปูเป้มาถึงที่โรงพยาบาล ความเสียใจคงไม่อาจบรรยายได้ตรงนี้

พ่อในตอนนี้นอนหลับสนิท ใบหน้าอิ่มเอิบ วันนี้พ่อไปอย่างสบายแล้ว พ่อลำบากมามาก ณ วันนี้ความลำบากของพ่อทำให้พวกเรามีวันนี้ได้...
ตั้งแต่ผมจำความได้เมื่อตอนผมอายุขวบครึ่ง ผมเดินเล่นใต้ถุนรร.ที่อ.หนองโดน สระบุรี ขณะที่พ่อเดินตรวจรร.เหมือนปกติทุกวัน มีแม่และย่าผมเดินตามอยู่ข้างๆ รร.ตอนนั้นอยู่ในป่า ด้านหลังบ้านพักเป็นท้องนา มีบ่อน้ำซึ่งผมและพ่อมักจะตกปลาแก้เซ็งในหน้าฝนเป็นประจำ(ปลาชุม)

ภาพต่อมาช่วงอายุไล่เลี่ยกันพ่อล้างก้นให้ผมตอนอายุประมาณสอง-สามขวบ ตอนนั้นเหมือนแม่จะไปเยี่ยมยายที่อำเภอบ้านหมอซึงห่างจากบ้านเราออกไปหนึ่งสถานี เราจึงอยู่กันสองคน หลังจากนั้นไม่นานผมก็มาอยู่กับย่าและอาเพื่อมาเรียนหนังสือที่กรุงเทพฯ ส่วนพ่อและแม่ยังต้องเป็นพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติที่สระบุรี และอีกหลายจังหวัดอยู่ช่วงนึง

สิ่งที่พ่อพร่ำสอนผมเสมอคือ ของๆคนอื่นๆเราไม่สมควรไปเอา เอามาแล้วไม่สบายใจ ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง หรือคนอื่นมาเจอย้อนหลังก็มีความผิด คนทำดีร้อยครั้งไม่มีใครจำ แต่ทำชั่วครั้งเดียวเป็นตราบาปไปตลอดชีวิต ช่วงชีวิตการทำงานของพ่อ จึงไม่มีประวัติด่างพร้อย พ่อไม่เคยถูกสอบสวน ในขณะเดียวกันพ่อเป็นที่รักของเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน และผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน ทุกอาทิตย์บ้านเราจะมีเพื่อนๆหรือลูกน้องพ่อมาเยี่ยมเยียนเสมอ แม้บ้านเราจะไม่ร่ำรวยเพราะเราไม่ได้ไปโกงหรืออะไรก็ตาม แต่เราก็ดำรงชีวิตด้วยความสุขเสมอมา











วันนี้พ่อได้ทิ้งคุณงามความดีไว้ให้เราๆได้รับรู้ รวมถึงข้อคิดในการดำรงชีวิตไว้ให้ผม เราไม่รู้ว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด

ท้ายนี้ขอขอบคุณพ่อ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีคำใดมาอธิบายได้ แม่เจี๊ยบปูเป้...ชีวิตต้องเดินต่อไป อาๆทุกคนสำหรับความช่วยเหลือ ทุกๆคนที่คอยช่วยเหลือ เพื่อนๆทวีธาสำหรับความช่วยเหลือ เพื่อนธุรกิจฯที่มาร่วมงาน บริษัท โพรเกรส กันภัย สำหรับความช่วยเหลือและความรู้สึกดีๆ บางท่านบ้านอยู่ไกลมากยังมีน้ำใจ ขอบคุณทุกคนๆมากๆครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น