วันจันทร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Korg X3

19 มิถุนายน 2555

วันก่อนลากคีย์บอร์ดตัวเก่งลงมาจากหลังตู้โชว์ ที่ย้ายไปไว้บนนั้นเพราะหนีน้ำท่วมตั้งแต่ปีก่อน แต่กว่าจะเอาลงแทบรากเลือด หนักโคตรๆ

ย้อนไปสมัยเด็กๆตอน 5-6 ขวบ อาแก่ไปเที่ยวสิงคโปร์กลับมาแกก็ซื้อของเล่นตัวนึงมาให้ คือ Casiotone จะว่าไปมันเป็นจุดกำเนิดของพัฒนาการทางดนตรีของผมเลยล่ะ ได้เจ้าCasiotoneมาก็หัดดีดเป็นเพลงตามที่ได้ยินมา แกรๆก็มั่วๆซั่วๆแล้วก็อาศัยดูตัวเลข1-2-3-4ที่มันขึ้นหน้าจอ จนเริ่มมาเล่นดนตรีเป็นวง ก็อาศัยพื้นฐานจากตรงนี้ล่ะ

จากนั้นพอผมเรียน ม.3 ก็ขอให้พ่อซื้อ คีย์บอร์ดให้ตัวนึง อ้อนพ่ออยู่เกือบๆครึ่งปีว่าต้องใช้ซ้อมแกะเพลงที่บ้านเพื่อเล่นงานโรงเรียน เพราะCasiotoneคีย์ไม่พอ พ่อก็ใจอ่อนผ่อนของคุรุสภาให้ เป็น Yamaha รุ่น PSR8 เป็นแบบใส่ถ่านก้อนใหญ่ 6 ก้อน มีจังหวะกลอง,กดส่ง (น้ำตาแทบไหลตอนพ่อซื้อให้ T^T) เวลาพ่อผมกิืนเหล้าที่บ้านพอแกเมาได้ที่ก็จะให้ผมเล่นเพลงพวกหยาด นภาลัย สุเทพ วงศ์กำแหง แล้วแกก็จะร้องตาม ส่วนเจ้าCasiotoneตัวเก่าย่าผมก็ขอ.....ให้น้องสาวรับช่วงต่อ

เวลาผ่านไปเข้าสู่ม.ปลาย ผมต้องไปซ้อมดนตรีที่บ้านเพื่อน ซึ่งเค้าใช้ซินธิไซเซอร์อยู่ 2 ตัวคือ Kawai K1 และ Roland D50

Kawai น่าจะเป็นยี่ห้อที่น่าจะเป็นมิตรต่อคนที่เล่นดนตรีไม่เป็นหรือเพิ่งหัดใหม่ๆ เพราะใช้งานง่าย ปุ่มน้อย และเนื้อเสียงแข็งโป๊ก(555) ซึ่งผมก็ชอบนะ เพราะเวลาเล่นมีแต่คนชมว่า Soundผมหนาเป็นลูกดี อิอิ

ส่วน Roland รู้สึกไม่ชอบใจเลย ด้วยเนื้อเสียงที่ไม่ถูกใจ หน้าตาเห่ย ใช้งานยากและสลับซับซ้อน ไม่ว่าจะออกรุ่นไหนมาเลยรู้สึกไม่อยากคบหาด้วยเท่าไหร่

ในยุคนั้นจะมีอีกยี่ห้อที่ถือว่า มาแรง และคนนิยมใช้มาก นั่นคือ Korg

ณ ห้องซ้อมดนตรีนึงที่ดังมาก และเด็กมัธยมย่านฝั่งธนฯนิยมใ้ช้บริการคือ ห้องซ้อมดนตรีตาตั้ม อุปกรณ์ที่นี่ถือเป็นจุดขายคือ คีย์บอร์ดซึ่งมีรุ่นใหม่ๆให้ได้เล่นในยุคนั้นและSoundที่พี่ตั้มSetupไว้ถือว่า "ได้มาตรฐานมากๆ"

Korg M1ถือว่าเป็นรุ่นนึงที่ผมโคตรชอบจากการที่มาเล่นที่นี่ รวมถึง Kawai K1 ซึ่งในยุคนั้นถือว่าเป็นคีย์บอร์ดในฝันของผมเลยล่ะ Soundกว้่างขวาง เหมาะกับเพลงทั่วๆไปในยุคนั้น เรีัยกว่ามี 2 ตัวนี้หากินได้ทั่วราชอาณาจักร

ต่อมา Korg ออกรุ่น O1/W ถือว่ารุ่นTopในยุคนั้นเลยล่ะ ด้วยการพัฒนาคุณภาพเสียงขึ้นไปอีก ไอ้ผมได้เห็นผ่านทางทีวีก็อยากได้ แต่ตอนนั้นเราก็แค่เด็กมัธยม คงไม่มีกำลังขนาดนั้น

ปี 2538 เข้ามหาลัยปี 1 ช่วงนั้นเริ่มซ้อมหนักขึ้น มีงานเล่นเยอะขึ้น และเริ่มมีงานประกวดดนตรี ซึ่งจำเป็นต้องหาคีย์บอร์ดใหม่ที่มีประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ส่วนตัวผมก็มอง Korgไว้ก่อนเลย ไปด้องมองๆที่ร้านเบ๊เงี๊ยบเส็งหลายรอบ โดยพี่ศักดิ์และพี่คมแกก็แนะนำที่ดีมากๆ และแนะนำ Korg X3ซึ่งมีราคาย่อมเยากว่า O1/Wครึ่งนึง แต่ประสิทธิภาพการทำงานไม่ต่างกันเลย

ไปลองอยุ่หลายรอบจนเป็นที่พอใจก็ตกลงปลงใจซื้อเจ้าตัวนี้ เงินส่วนนึงแม่ก็ช่วยออก(อีกแล้ว) จะมีใครรักเราเท่าพ่อแม่ไม่มีอีก T^T

X3ตัวนี้ก็ตะลุย 101 เจ็ดย่านน้ำ ผ่านมาเป็นสิบๆเวที ผ่านห้องอัดเสียงก็หลายห้อง ทำJingle , ละครวิทยุ , Spotวิทยุส่งอาจารย์ให้เพื่อนๆผมก็หลายคน เคยเล่นจนJoyตกหล่มก็มี(โยกแรงไปหน่อย) เล่นมาหมดทุกแนวทั้ง Pop Rock Progressive Jazz รวมถึงเพลงลูกทุ่ง และเป็นสื่อที่ทำให้ผมรู้จักเพื่อนดีๆ สังคมดนตรีหลายคนๆ

หลังจากปี 42 ผมเริ่มหัดเล่นกีตาร์ เจ้าX3นี้ก็เหมือนจะได้เล่นน้่อยลงๆ จนช่วง 4-5 ปีมานี่แทบจะนอนแน่นิ่งในกล่องตลอด จนเมื่อกลางปีที่แล้ว ลูกสาวก็อยากจะเอาตัวนี้มาซ้อมมือ เลยจัดการทดสอบหน่อยก็พบว่า ระบบอะไรชำรุดตามสภาพ ดังนั้นผมเลยส่งให้ร้านเบ๊เงี๊ยบเส็งบูรณะยกใหญ่....

วันนี้พร้อมแล้วครับ เสียดายที่Soundเดิมๆที่เคยเซ็ทอัพไว้หายหมด รวมถึงฝีมือของผมที่ไม่ได้ฝึกซ้อมเลยหดหายไปตามกาลเวลา 555 ^^"
Stickerร้านแปะไว้ หมดประกัน อิอิ
กล่องนี้เก่าตามสภาพ ไม่เชื่อดูฝุ่นที่กล่องได้จับขาวโพลน ขนาดเอาผ้าเช็ดยังไม่ออก อ้อ....กล่องของเค้าเป็นไม้ครับ หนักโคตรๆ
ล้อเลื่อนข้างนี้พังไปแล้วเรียบร้อย เวลาเข็นทีต้องถูลู่ถูกังกันเลย
ยางที่หูจับร่อนออกหมดเหลือแต่แผ่นเหล็กชิ้นเดียว เวลายกต้องหาผ้าขี้ริ้วหุ้มมือ ไม่งั้นมือเน่า....
เอาสติ๊กเกอร์สีดำปิดทับไว้ เพราะไม่อยากให้ใครรู้ว่าใช้ยี่ห้ออะไร อิอิ
เตรียมเปิดกล่อง.........พร้อมกันหรือยังครับ อิอิอิ
มีสลัก 4 ตัวครับ คิดว่าถ้ามีเวลาว่าจะหาบ้านใหม่ให้คีย์บอร์ดหน่อย
ชะแว๊ป.....หายไปไหน?! ขอเล่นมุขคลาสสิคหน่อย อิอิ
เปิดมาเจอตัวนี้เลย :D
มาดูด้านซ้ายบนก่อนครับ...มีVolume แล้วก็ปุ่มปรับต่างๆใช้ควบคุมเรื่อง Sequencer  การปรับต่างค่าต่างๆ
Volume ชัดๆ
ยี่ห้อ รุ่น และคุณสมบัติครับ
ด้านขวา ปุ่ม 0-9 เลือกเสียงต่างๆ ซึ่งต้องเลือกเป็นเลข 2 หลัก เช่น 01 23 98
รุ่นนี้มี 61 คีย์เป็นรุ่นเริ่มต้นครับ รุ่นใหม่ที่ออกหลังตัวนี้จะเป็น X5 ซึ่งจะลดคุณสมบัติอะไรหลายๆอย่าง ถ้าตัว 81 คีย์จะเป็น X2(ถ้าจำไม่ผิดนะครับ)
Serial Number
Joy เคยพังไปรอบ ได้รุ่นพี่ที่นับถือซ่อมให้ครับ
อีกมุม...
มีช่องใส่การ์ดเสียง เป็น optionที่ต้องซื้อเพิ่มครับ(พอดีไม่ได้ซื้อ แฮะๆๆๆ)
สังเกตด้านซ้าย มีคนมานั่งรอจะเล่นละ อิอิ
ต่อสายJack พร้อมลุย !!!
ช่อง input มี L คือ ออกซ้าย และ R ออกขวา ใช้กรณีที่เราต่อเข้า Mixer ซึ่งระบบเสียงจะเป็น Stereo ซ้าย-ขวา ถ้าออกหน้าตู้ปกติก็ใช้ L เป็น Mono ผมเล่นอยู่บ้านใช้ตู้กีตาร์เล่นก็ใช้ช่องนี้ช่องเดียวครับ
สายแจ็คเส้นขวาผมต่อเข้าช่ิอง Damper คือใช้เหยียบ Pedal เวลาเล่นเปียโนครับ
ตัวนี้ของเล่นใหม่ คือ Metronome กะว่าจะมาใช้ฝึกใหม่ทั้งกีตาร์-คีย์บอร์ด(ผมกับลูกสาว) 
เมื่อปี 90 ทางYamaha ได้มีแนวคิดเพิ่มโหมด General Midi (GM) เพื่อเป็นมาตรฐานให้ผู้ผลิตคีย์บอร์ดนำไปใช้ ซึ่งก่้อนหน้านี้ยี่ห้ออื่นๆเช่น Roland Yamaha ต่างก็ผลิตเสียงที่ตัวเองคิดค้นออกมา ทำให้ผู้เล่นเกิดความลำบากในการค้นหาและจดจำ ระบบGMจึงออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้เล่นไม่ว่าคุณจะซื้อคีย์บอร์ดยี่ห้อไหนก็มีจะ โหมดนี้ให้ใช้เหมือนกันหมด
อันนี้เป็น Setupจากโรงงานครับ คงต้องหาเวลาว่างๆปรับแต่งเสียงกันใหม่อีก 
โหมดเสียงหลักๆจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ(Bank) คือ A กับ B อย่างรุ่นใหม่ๆอย่าง Kronos จะแบ่งออกเป็น 7-8 กลุ่มเลยทีเดียว
อันนี้เป็นโหมด Combi ก็เหมือนจะผสมเสียงต่างๆมากกว่า 1 เสียง เนื้อเสียงใช้ได้เลยล่ะ
ตัว Pedalที่ใช้ของ Boss FS-5U บางทีก็เอามาต่อกับ RC2 เวลาเล่นกีตาร์ครับ อิอิ ก็ขอจบการรีวิวแต่เพียงเท่านี้ สวัสดีครับ :D

1 ความคิดเห็น: