วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

มีพัสดุมาส่ง....ชอบอมกันมั้ยยยยยย

ช่วงหลังๆมานี่เหมือนเริ่มท้อๆกับกีตาร์ไฟฟ้ายังไงไม่ทราบ เรื่องอุปกรณ์ไม่อยากตามเพราะเริ่มเบื่อๆ ผมเล่นอยู่ไม่กี่แนวเอง(เล่นไม่เก่ง) ไม่อยากลองผิดลองถูกอีก เพลงก็เริ่มฟังเบื่อๆ ก็เลยกลับไปเล่นเปียโนพักนึงเหมือนจะพบโลกเก่าๆที่คุ้นเคยอีกครั้ง

เล่นไปเล่นมาเริ่มจะหลอนหนัก พาลจะหา 88 คีย์มาเล่นแต่...ณ ตอนนี้คงมีแต่ Kronosเท่านั้นที่พอเยียวยาได้ ดังนั้นก็..จบข่าว 555

จากการเล่นเปียโนก็พบว่าเสียงธรรมชาติเพียวๆนี่มันจรรโลงหูดีแท้ แถมปี-สองปีที่ผ่านมานี่ผมเริ่มบ้า Depapepe ตามฟังตามเกือบหลายชุดเหมือนกัน จะเป็นที่มาของเจ้าตัวนี้

ที่บ้านผมเดิมมีกีตาร์โปร่งตัวนึงแล้วเป็นของเวียดนาม All Solid ซื้อเมื่อ 6 ปีก่อน ถามว่าชอบมั้ย? ก็ชอบนะแต่...ไม่ที่สุดคือ ผมชอบเสียงมันนะเสียงopenมาก ได้อารมณ์เนื้อไม้เต็มที่เวลาสตรั้มคอร์ด เฟรมไม้สวยงาม(ประมาณ AAได้) ราคาไม่แพงมาก

แต่...คอต้องบอกว่ายังไม่ผ่านอย.คือเล่นไปนานๆแล้วเหนื่อยพอควร คือ ค่อนข้างใหญ่ประมาณ U เวลาเคลื่อนมือนี่เมื่อยมากๆ และผมใช้เวลา Burn ตัวนี้นานเหมือนกันกว่าเสียงมันจะเปิด


ไอ้ครั้นจะไปเหลาคอคงไม่คุ้ม สู้หาอีกตัวดีกว่า ผมจึงใช้เวลาตั้งแต่กลางปีที่แล้วเก็บข้อมูลพักนึงและออกตระเวนลองโน่นลองนี่ไปเรื่อย

แรกเริ่ม...ผมตัดบางยี่ห้อที่คิดว่าไม่ชอบก่อน ต้องบอกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตามีผลเหมือนกัน ไอ้ยี่ห้อที่ไม่สมประกอบ ตัวแหลมๆ หัวโตๆนี่ตัดไปเลย บางคนบอกว่าเอาเสียงมาก่อน แต่สำหรับผมมันทำใจลำบากอ่ะ

สอง...ผมนั่งเก็บข้อมูลแต่ละรุ่นที่สนใจจากเวปต่างๆ ต้องบอกว่าส่วนใหญ่มาจากบ้านสีฟ้าและที่นี่นะครับ ได้ข้อมูลเยอะเลย ขอบคุณมา ณที่นี้ด้วย

สาม...หลังจากเก็บข้อมูลได้ที่ก็ถึงเวลาออกภาคสนาม ผมดูไว้หลายรุ่นเหมือนกัน

Cole Clake เป็นของออสเตรเลีย ก็งานดีนะ ราคาที่ตัวแทนเอามาก็ดีเลยล่ะ แต่...ของเค้าสต๊อคน้อยมาก และผมอยากได้ไม้หลังและไม้ข้างเป็น rosewoodมากกว่า ซึ่งไม่มีก็ตัดออกไป
Guild ผมลองทั้งของจีนและอเมริกา งานดีมากๆนะ โดยเฉพาะของจีนราคาสวยทีเดียว แต่...ผมไม่ชอบหัวมัน โตเกิ๊น อย่างอื่นก็ถือว่าดีหมด

Larrivee น่าจะเป็นอะไรที่ใกล้เคียงที่สุด งานรวมๆดีมากๆ เกรดไม้ดี สวยงาม ผมได้ลองตัว Customshop ก็หลงรักตั้งแต่แรกเห็น เสียงก็โอนะ ติดที่มันทึบๆ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาพักใหญ่ๆกว่าจะเข้าที่


ในร้านเดียวกันมีกีตาร์อยู่ยี่ห้อนึงที่เป็นตำนาน 100 กว่าปีคงไม่สุกเอาเผากินแน่นอน มันคือ Martin นั่นเอง จากแรกๆที่เฉยๆ พอได้ลองก็รู้สึกของเค้าดีจริง งานเรียบๆแต่ดูขลัง เสียงใช่ คอใช่ บอดี้อะไรได้หมด กลับบ้านมาก็เลยศึกษาข้อมูลเพิ่มขึ้นอีก ว่ารุ่นไหนอะไรยังไง จนได้รุ่นที่ส่งเข้าประกวด 3 รุ่น

ตัวแรก OOO28EC รุ่นเล็กสุดของ Clapton ตัวนี้เหมือนฟ้าไม่ได้ส่งมาให้ผม เพราะวันที่จะไปลองก็ของหมด ไปอีกสาขาก็มีคนจอง ของมาเดือนธันวานี้ก็เลยตัดไปซะ

ตัวที่ 2 OMJM เป็นรุ่นเล็กของ John Mayer ตัวนี้ไปลองมาที่สาขานึงก็เหมือนจะต้องตาต้องใจไปซะทุกอย่าง คือเสียงดีมากๆ ออกแผดๆหน่อยเล่นบลูส์มันเลยล่ะ เบา คอที่เป็นมิตร และเกรดได้ดีมากๆ แต่ราคามันค่อนข้างแรงไปหน่อย และจากการเช็คหลายแหล่งข่าว กีตาร์ตัวนี้(ที่ร้านดังกล่าว)มีประวัติบางอย่างซึ่งผมมองว่ามีมูลพอควร คือ กีตาร์ all solid ปกติจะมีกลิ่นได้ของพันธุ์นั้นๆ แต่ตัวนี้ไม่มีกลิ่นออกมาเลย และไม้ชื้นมากๆ (มีข่าวว่ากีตาร์ตัวนี้เคยเล่นน้ำสงกรานต์มา ^^")
ทีนี้ผมเลยมาเช็คว่ามีใครรับสั่ง Martinบ้างในบ้านเราก็เจอคุณวี Save a lot ซึ่งจากคำแนะนำของคุณวีผมได้รับข้อมูลและความรู้ที่เป็นประโยชน์มากๆ คุณวีแนะนำให้ผมลองดูรุ่นนึงซึ่งเป็นตระกูล Vintage Series คือ ถ้าจะเล่น Martin Original ต้องเล่นตระกูลนี้เท่านั้น นั่นคือรุ่น OM28V ครับ เลยจัดการสั่งของไปเรียบร้อย ขอบคุณคุณวีมา ณ ที่นี้ด้วยที่เป็นธุระจัดการให้และส่งให้ถึงที่

ตัวนี้จัดเป็นกีตาร์โปร่งตัวที่สองในชีวิตครับ OM28Vนี่เค้ามีชื่อเรื่องการเล่นฟิงเกิ้ลสไตล์ ซึ่งเหมาะกับคนมือเล็กๆอย่างผมที่สุด 555

ตัวบานล็อคที่กล่องนี่เยอะมากๆ



























ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น