วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

ของใหม่ประจำไตรมาสนี้

2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีของชิ้นใหญ่เข้าบ้านมาหลังจากกบดานมาหลายเดือน เป็นอะไรนั้นไว้เมล์หน้า

แต่หลังจากที่ซื้อของชิ้นนั้นมา ก็เลยต้องหาอะไรมาบำรุงรักษาทำความสะอาดบ้าง มีบางชิ้นที่ไม่เกี่ยวกับงานดนตรีเลยแต่สามารถนำมาใช้งานได้ บางชิ้นก็เป็นน้ำใจของน้องๆที่ร้านเครื่องดนตรีมีอะไรบ้างมาดูกัน

 มีน้ำยาขัดguitarของFender ใช้ได้ทั้งโปร่งและไฟฟ้า น้ำเช็ดไมโครไฟเบอร์และผ้าฝ้าย
ผ้าไมโครไฟเบอร์ของร้านMusic concept 180 บาท และซองดูดความชื้น



เดิมซองดูดความชื้นจะแถมมากับกีตาร์ใหม่ในกล่อง มายุคนึงที่มีคนต้องการมากๆ ทางร้านก็นำมาขายซองละ 80 บาท แต่ล่าสุดผมไปขอซื้อที่ร้าน น้องๆที่ร้านก็ให้มาโดยไม่คิดมูลค่าอะไร ขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยครับ




















อันนี้ผ้าขัดรองเท้า ราคา 18 บาทเท่านั้นใช้ขัดได้เหมือนกัน ใครไม่อยากจ่ายแพงก็ตัวนี้เลย หรือหาเสื้อไม่ใช้แล้วก็ได้นะ...

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

20 กค.กลับบ้านเฮา‏

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราต้องอยู่ที่ญี่ปุ่น เครื่องออกตอนประมาณ 9 โมงเช้า เราต้องไปเช็คอิน
และขึ้นตั๋วก่อน 1 ชั่วโมง บ้านเราอยู่ชานเมืองโตเกียวซึ่งใช้เวลาเดินทางเกือบๆชั่วโมงครึ่ง(เพราะที่
ญี่ปุ่นจำกัดความเร็ว วิ่งเกิน 80 ในเมืองไม่ได้) ทำให้ต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 บ้านเราเก็บกระเป๋าตั้งแต่วันศุกร์
และล่าสุดคือวันเสาร์สำหรับของชิ้นเล็กๆที่ซื้อเพิ่ม จึงเหลือแค่การเก็บของเล็กน้อยๆในเช้านี้

ออกจากบ้านตี 5 ครึ่งมาถึงสนามบินเกือบๆ 7 โมงครึ่ง(ขนาดมาทางด่วนนะ) เคาเตอร์ยังไม่เปิดต้องเดิน
ไปเดินมาพักนึง จนแปดโมงเช้าถึงไปขึ้นตั๋วได้ ชั่งน้ำหนักกระเป๋าน้ำหนักเหลือเพียบแต่แค่นั้นก็แบกไม่ไหวแล้ว

จากนั้นก็เดินไปรอเตรียมขึ้นเครื่อง ผ่านร้านดิวตี้ฟรีมากมาย ราคาไม่เป็นใจเอาซะเลย แต่ก็ดูดเงินผมไปจนหมดกระเป๋า ระหว่างเรานั่งรอเครื่องเจอกลุ่มคนไทยกลุ่มใหญ่เหมือนมากับทัวร์ประมาณนั้น อาปูซื้อขนมมาให้เรารองท้องก่อนกลับอย่างข้าวปั้น แซนวิส ผมเสียเงิน 120 เยนสุดท้ายกับน้ำแร่จากตู้กดน้ำ(เพราะถูกสุดแล้ว)

ขึ้นเครื่องมา...คนไทยทั้งนั้น ยังกะนั่งการบินไทยยังไงยังงั้น กัปตันเที่ยวนี้ขับซึ่งน่าดู เรามาถึงเมืองไทยก่อนกำหนด 1 ชั่วโมงคือบ่ายโมงครึ่ง เสียเวลาเช็คกระเป๋าพักนึง ประมาณบ่าย 2 กว่ารถที่เราจ้างจะมารับก็บ่าย 3 (ตามเวลานัดปกติ) เป็นอันว่าสิ้นสุดการเดินทางอันแสนประทับใจ 9 วันในโตเกียวของผม

ท้ายนี้ขอขอบคุณ...
พ่อ-แม่ผม ถ้าไม่มีพ่อกับแม่ผมคงไม่ได้ไปเที่ยวในครั้งนี้
เจี๊ยบ-ปูเป้ ไปไหนไปกันตลอด
อาปู อุปการะที่พัก อาหารในหลายๆมื้อ และทุกๆเรื่อง
อาแก่ ที่ให้ยืมกล้องถ่ายรูป,กระเป๋าเดินทาง ฯลฯ
อาเหมี่ยว ที่เป็นธุระติดต่อคุณต้นให้ครับ
คุณต้น ผู้แนะนำเที่ยวบินที่ยอดเยี่ยมให้ผม
คนไทยหลายคน ที่แสดงความเป็น Land of smile เจอพวกคุณทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจเหมือนอยู่บ้าน
คนไทยและคนบางสัญชาติบางคน ที่บอกให้ผมรู้ว่ายังมีควายอยู่หลายตัวบนโลกนี้
คนญี่ปุ่นทุกๆคน คุณทำให้ผมรู้สึกว่าพวกคุณเป็นมิตรกับคนบ้านนอกๆอย่างผมมาก แม้จะฟังที่ผมพูดไม่เข้าใจ แต่ก็มีความพยายามจะช่วยเหลือพวกเราครับ...
ฝรั่งที่ร้านIkebe Gakki Shibuya ขอบคุณมากที่ชมสำเนียงภาษาอังกฤษกะเหรี่ยงๆของผม เกิดมาไม่เคยมีใครชมมาก่อน(มีแต่คนพูดว่าฟังไม่รู้เรื่อง 555)










โยโกฮาม่า-ร้านเทมปุระ-ร้าน Book Off -ห้าง Artre‏

อาปูพาเราไปกินข้าวกลางวันเป็นร้านเทมปุระ สั่งมาคนละชุดอร่อยดี แต่เจ๊คนขายแกดุน่าดู พวกเรากินเหลือเลยจะห่อกลับ แกไม่ยอม คุยตั้งนานแกถึงยอมให้กล่องใส่ แต่ไม่ยอมให้ถุงหิ้ว ถือออกมาทั้งกล่องอย่างนั้นสุดท้ายมีลุงร้านขายขนมข้างๆใจดีให้ถุงมา 2 ใบ...























จากนั้นเราไปโยโกฮาม่าซึ่งต้องนั่งรถไกลพอสมควร  นั่งรถจนบ้านเราหลับแล้วหลับอีก พอถึงที่โยโกฮาม่าทำเอาเราหมดแรงไม่มีใครยอมลงจากรถซักคน เป็นอันว่ามานั่งรถชมวิวที่โยโกฮาม่าเฉยๆ

4 โมงเย็นถึงบ้านแล้ว อาปูมีธุระต้องออกไปข้างนอก เราจะทิ้งเวลาอันมีค่าหรือ? พ่อผมนอนเอาแรง แม่ทำกับข้าว ผมกับเจี๊ยบเลยตกลงกันว่าเวลาเหลือจะไปเดินเล่นหน่อย ผมอยากไปดูซีดีที่ร้านขายซีดีเพลง

เราเดินผ่านร้าน Book Off เป็นร้านหนังสือใหญ่ร้านนึง เข้าไปมีมหกรรมลดทั้งร้าน คนเพียบ ชั้นล่างมีการ์ตูนเซลล์ เล่มละ 150 - 300 เยน เราอ่านไม่ออกกันเลยเดินผ่านๆ มีมุมนึงไม่มีคนเลยเหมือนขายอัลบั้มภาพ หยิบมาดูเล่มนึงหนังสือโป๊นี่หว่า มีอัลบั้มนู๊ดด้วยเล่มละ 500 เยน ถือว่าถูกมาก เพราสี่สีอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ซื้อมาเหมือนกัน

ขึ้นไปชั้น 2 เป็นนิยายหนังสือวิชาการ เราไม่ดู(เพราะอ่านไม่ออก) ไปชั้น 3 เจอซีดี-ดีวีดี เป็นดงเลยทั้งชั้น เป็นหมื่นๆแผ่นได้ โอ้ว...สวรรค์ เดินเลือกจนลายตา ได้ซีดีวง Angra มาแผ่นนึง(เมืองไทยไม่มีขาย) บองโจวี่แผ่นละ 280 เยน (ถูกเป็นขี้) วงญี่ปุ่นบีซึ และ MR.Big แผ่นละ 250 เยน 3 แผ่นรวมกันยังไม่ถึง 1,000 บาท...อืม เพิ่งซื้อของได้ถูกก็วันนี้

ไปห้าง Artre ต่อ เป็นห้างที่อยู่ติดสถานีรถไฟเพราะเจ้าของเดียวกัน ขึ้นไปชั้น 2 ร้านซีดีที่ซื้อปีก่อน ลด 50 เปอร์เซ็นต์ทั้งร้านอีกแล้ว โอย....จะบ้าตาย มาลดราคาตอนตูจะกลับบ้าน กระเป๋าก็แพ๊คไปแล้ว เลยเดินๆดูอย่างเดียว มีแต่เพลง j-pop ทั้งนั้นเลยตอนนี้ฟังไม่กี่วงตามไม่ทัน รู้จักแต่ Leah Dizon คนเดียว..555 ที่ญี่ปุ่นเห็น Yumi กับ Yui กำลังดังจะซื้อไปฟังก็ไม่กล้า

ส่วนเจี๊ยบเดินช๊อปกระจุยกระจาย เดินตั้งแต่ 6 โมงเย็นยัน 3 ทุ่ม ปูเป้บ่นหิว เลยต้องเดินไปไกลหน่อยซื้อไอติม 100 เยนที่ร้านแมค



















อาปูโทรศัพท์มาบอกมีงานวัดแถวบ้าน เราเดินเอาของไปเก็บที่ห้องก่อน แล้วค่อยไปดูงานวัด ไปถึงเค้าเก็บของหมดแล้ว แต่เห็นเด็กๆใส่ชุดยูกาตะเต็มเลย อาหารที่มาออกร้านแพงมาก เราซื้อทาโกยากิกินกัน ต่อแถวยาวมาก


















กลับมานอนสลบ...

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

19 กค.โตเกียวทาวเวอร์-พระราชวังอิมพีเรียล

ลืมบอกไปวันที่ไปชิบูย่า เจอร้านคริสบี้ครีมโดนัท เลยแวะซื้อกิน 3 ชิ้น ร้านแจกให้ชิม 1 อันเป็น 4 ชิ้น
ได้ยินชื่อเสียงมานานเป็นโดนัทที่มีคนต่อคิวยาวมากๆๆๆๆ และอร่อยสมคำร่ำลือ มีพวกเสื้อยืดของที่ระลึกขายด้วยแต่ราคาแพงอ่ะ เลยไม่ได้ซื้อมา โดนัทธรรมดาชิ้นละ 180 เยน แพงเอาการแต่ก็สมราคาแล้ว ร้านเค้าโชว์เครื่องจักรที่ทำโดนัทให้เห็นด้วยนะ เครื่องมือทันสมัยและใหม่มาก ไม่ใช้คนเลย ตั้งแต่ผสมแป้ง นวมแป้ง ตีเป็นลูกทอด ราดน้ำตาล มีขนมวิ่งไปตามสายพานตลอด เด็กวัยรุ่นซื้อกันให้รึ่ม

เช้าวันเสาร์ที่ 19 กค.วันนี้อาปูหยุดและรถว่างเลยว่าจะพาบ้านเราไปเที่ยวกัน ตอนเช้าลงไปกินอาหารที่โรงแรมเหมือนเดิม เมนูอาหารก็เดิมๆ แต่ก็ทำเอาเราจุกเหมือนเดิม






















วันนี้เราจะไปเก็บสถานที่สำคัญๆที่เรายังไม่ได้ไปอย่าง โตเกียวทาวเวอร์ , พระราชวังอิมพีเรียล ฯลฯ เราออกเดินทางเช้าหน่อยประมาณ 9 โมงครึ่งเพราะไปหลายที่ โดยเราไปที่สวนสาธารณะชิบะเพื่อถ่ายรูปโตเกียวทาวเวอร์ วันนั้นมีพวกสตูดิโอมาถ่ายรูปบ่าว-สาวพอดี แดดแรงเหมือนเดิม จากนั้นแวะเดินถ่ายรูปกินซ่าแป๊บนึง และไปที่พระราชวังอิมพีเรียล