วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กินข้าวกันสองพ่อลูกปลายปี 56 @Ootoya Central Pinklao

15 ธันวาคม 2556

วันนี้พาเจ้าหมูดำไปเรียนเปียโนเสร็จ ตัวผมอยากกินโอโตยะเลยแวะมาที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า นั่งดูเมนูเหมือนจะเห็นการเปลี่ยนแปลงหลายๆอย่าง มีเมนูใหม่ๆเพิ่มขึ้น ภาชนะจานใหญ่ขึ้น ดีไซน์จานชามเหมือนพวกร้านอาหารฝรั่งมากกว่า แต่นั่นไม่สำคัญเท่ารสชาด การบริการและราคาเท่าไหร่

ผมสั่งหมูผัสซอสคุโรสุ รู้สึกว่ารสชาดไม่จัดจ้านเท่าเมื่อก่อน แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก ยังเป็นอะไรที่รับได้อยู่

แต่........ที่รู้สึกหงุดหงิดจนเหลืออด ต้องไปโวยที่เวปเพจร้านคือ ซุปที่มีมาให้มันไม่อร่อยจริงๆ คือ มีวากาเมะ , มันฝรั่ง และหอมหัวใหญ่มาให้ ซึ่งยังงงๆว่าไอ้มันฝรั่งกับหอมหัวใหญ่มาได้ไง แถมยังไม่สุก ดิืบๆอยู่เลย หวังว่าคราวหน้าคงไม่เจออะไรแบบนี้อีกนะ - -"

สลัดผักมาแบบสดมากๆ ชิ้นใหญ่โคตรๆกัดกินกันมันส์ไปเลย.......

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

กินปลาดิบกับน้าตุ้ม @คุโรดะ เอกมัย

30 พย.56

วันเสาร์นี้เย็นนี้มีนัดกับน้าตุ้ม หรือ น้าท็อป เพื่อนเก่าแก่คณะนิเทศฯ สมัยเรียนมหาลัย น้าจะแต่งงานวันที่ 14 ธันวานี้ที่น่าน ถามน้าว่าจะมีเลี้ยงที่กรุงเทพฯมั้ย? น้าบอกไม่มี เลยถามน้าคำสุดท้ายว่า อย่างน้อยจะมีกินข้าวกันมั่งมั้ย? น้าบอกนัดมาๆ จึงเป็นที่มาของการนัดกินข้าวครั้งนี้

นัดกันที่ร้านคุโรดะ เอกมัย ผมขอป้ากับเจ้าหมูดำมาด้วย เพราะไม่เคยพามากินเลย เราก็นั่งรถไฟฟ้ามาจนสถานีสุรศักดิ์ ใช้เวลาพักนึงก็มาถึงน้าตุ้มและว่าที่เจ้าสาวก็มารอแถวนั้นอยู่แล้ว
น้าวันนี้ดูสุขุม (และขี้เก๊ก) ขึ้นครับ สมกับวัย??? ขอให้น้าและแฟนน้ามีความสุขในการใช้ชีวิตคู่นะครับ
ขากลับแวะไปเดินเอกมัยเก็ทเวย์ เพราะเจ้าหมูดำอยากไปเล่นของเล่น ถึงบ้านก็สามทุ่มกว่า ใช้เวลาและการเดินทางได้คุ้มค่ามากๆ

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

8 พย.56 @Momo Paradise CTW

8 พย.56

เกิดเป็นคนแสนยุ่งนักหนา วันนี้ขอบ่นอะไรหน่อยนึงรู้สึกเบื่อหน่ายกับอะไรบางอย่างเหลือเกิน

ขอย้อนเล่าเรื่องนี้หน่อยครับ

ปี 45-46 ผมยังทำงานโรงงานที่สมุทรปราการ วันนั้นขับรถไปงานแต่งงาน
คนที่ 1       : ทำงานที่ไหนวะ
ผม             : โรงงานแถวสมุทรปราการ อ่ะนี่นามบัตร...
คนที่ 2-3-4 : เข้ามามะรุมมะตุ้มในทันที (กลายเป็นเทพในบัลดล)


ปี 48 ตอนนั้นผมออกจากงาน(ตกงาน) เพื่อมาวัดดวงหางานใหม่และเรียนต่อ
คนที่ 1        : ทำงานที่เดิมหรือเปล่าวะ
ผม              : ออกมาแล้วอ่ะ ตอนนี้ตกงานอยู่
คนที่ 1และคนอื่น : จบบทการสนทนาทันที (กลายเป็นหมาหัวเน่า)


ปี 49 ผมเข้ามาทำงานที่ธนาคารแล้ว แต่อยากลองดูน้ำใจคน ลองเปลี่ยนคำตอบดูซิว่าจะเป็นอย่างไร
คนที่ 1       : เป็นไงมั่ง หางานทำได้หรือยังวะ?
ผม             : ทำแล้ว บริษัทเล็กๆแถวซอยอารีย์อ่ะ
คนที่ 1       : ก็ดีแล้วจะได้ไม่เป็นภาระพ่อแม่ (-_-)"


ปี 51-52 สมัยที่ผมยังทำงานอยู่แถวซอยอารีย์ บทสนทนาหนึ่งซึ่งเกิดกับตัวผมเอง
กริ๊งงงงงงงงงง (เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น)
ผม             : สวัสดีครับ
ปลายสาย : ที่ธนาคารเมิงเค้าให้คนนอกเอารถเข้าไปจอดได้มั้ย?
ผม             : เอ้อ ไม่ได้นะ เค้าให้สิทธิเฉพาะคนในตึกจอดได้อย่างเดียว
ปลายสาย : งั้นใช้สิทธิืมึงจองได้มั้ย?
ผม             : เฮ้ยยย จองอ่ะได้แต่เค้าต้องจับสลากนะ ไม่ใช่ว่าจองแล้ววจะได้จอดเลยทุกคน
ปลายสาย : ตรู๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆ
ผม             : นึกในใจ.......ไอ้เวร


เหตุการณ์ต่อมา ผมไปเจอคนกลุ่มเดิม บทสนทนาวายวอดเริ่มต้นอีกครั้ง
คนที่ 1      : งานที่กรูทำจะหมดสัญญาปลายปีว่ะ กรูอยากทำฝ่ายกฎหมายที่ธนาคารมึง ช่วยฝากกรูหน่อยซิ
ผม            : แล้วอยากทำตำแหน่งอะไรล่ะ?
คนที่ 1      : ผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย
ผม            : (นึกในใจ.....มึงคิดว่ามึงจบฮาวาร์ด หรือ เบิร์คลี่ย์มาหรือไง) แล้วอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ล่ะ?
คนที่ 1      : กรูไม่หวังมากขอแค่ 60,000 พอ
คนที่ 2-3-4-5 : เฮ้ยมึงก็ช่วยเพื่อนแค่นี้จะ้เป็นไรไปวะ 555
ผม            : หึหึหึ................(นึกในใจพ่องเมิงดิ่)


เหตุการณ์ต่้อมา เหมือนเหตุการณ์ที่แล้วไม่มีผิด
คนที่ 1     : กรูไปสมัครที่ธนาคารมึงผ่านเวปไซด์แล้ว ไม่เ้ห็นเค้าเรียกกรูเลย
ผม           : มึงกรอกว่าไงมั่ง
คนที่ 1     : กรูขอไปนิดเดียวเอง ตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายกฎหมาย , เงินเดือน 70,000 , ค่าน้ำมันรถ ,
                   รถประจำตำแหน่ง ,Smartphoneพร้อมค่้าโทรศัพท์ , ค่าตำแหน่งอีก 15,0000 ฯลฯ
คนที่ 2-3-4 : มึงไม่้รู้จักกับคนในฝ่ายกฎหมายเหรอ ฝากเพื่อนหน่อยซิวะ
ผม           : หึหึหึ................(นึกในใจ ไอ้ฟราย !!!)

เดือนที่แล้ว มีอะไรงี่เง่าเข้ามาให้รกสมองต่อ
ติ๊งต่องงง (เสียงLine ดังจากโทรศัพท์มือถือ)
คนนั้น      : ที่ดินของพ่อตาแม่ยายมึงเค้าจะขายมั้ยวะ?
ผม           : มีอะไร?
คนนั้น      : รถไฟฟ้ามันจะตัดผ่านเส้นนั้นพอดี กรูไปที่กรมที่ดิน ที่พ่อตาแม่ยายมึงจะอยู่ติดรถไฟฟ้าพอดี
                   ทำเลสวยเลย
ผม           : แล้วไง?
คนนั้น      : กรูอยากจะซื้อแล้วไปทำคอนโดว่ะ เดี๋ยวกรูแบ่งเปอร์เซ็นให้
ผม           : อย่าให้กรูยุ่งเลย เรื่องสมบัติของเค้ากรูไม่อยากยุ่ง
คนนั้น      :  เฮ้ยยย ต่อไปมึงสบายแล้วนะ เดี๋ยวก็ตกเป็นของมึงแล้ว
ผม           : ก็อย่างที่บอก ของทางโน้นกรูไม่ยุ่ง มันไม่ใช่ของๆเรา อย่าไปยุ่งดีกว่า
คนนั้น     : ไม่ตอบกลับมาอีกเลย


นี่เป็นเพียงเหตุการณ์ส่วนนึงเท่านั้น ล่าสุด ได้ยินคำบอกกล่าวจากคนๆนึงเล่าให้ฟังว่า คนนึงในกลุ่มนี้จะเลิกคบผมเพราะผมไม่สนองความต้องการของมันได้??? (ตกลงผมเป็นขี้ข้าพวกมันไช่มั้ย?) ที่ผ่านมาผมก็อยู่ตัวคนเดียวมาหลายสิบปี ไม่เคยมีใครคิดจะติดต่อมา ผมก็อยู่ของผมได้กับสังคมใหม่ๆมาตลอด

เอาเรื่องนี้มาปรึกษาป้าที่บ้าน และรุ่นพี่คนนึง ให้คำแนะนำเหมือนกันว่า จะไปแคร์มันทำไม เราทำตัวเราให้ดีที่สุด ชีวิตใครชีวิตมัน เราไม่ได้ขอใครกิน แค่นี้ก็พอแล้ว
ขอโทษที่บ่นมาเยอะครับ แต่เหลืออดจริงๆ มาเข้าเรื่องกินกันดีกว่า...............

เมื่อวันที่ 8 พย.ผมลาพักร้อน เนื่องจากเดิมตั้งใจจะลาวันศุกร์ที่แล้ว แต่โดนที่ทำงานดักคอซะก่อนว่า "ขนาดผมป่วยยังมา 5-6วันยังมาทำงานตลอด" ประโยคนี้เป็นผลให้การจะลาพักร้อนในวันศุกร์ก่อนต้องชะงักไป

วันที่ 8 พย.นี่เลยต้องหยุดหน่อย ทั้งปีเพิ่งได้หยุดแค่ 2 วันเอง กะว่าจะไปเดินเล่นแถวทองหล่อ สุขุมวิท ไปหาของกินอร่อยๆมั่ง ให้รางวัลกับชีวิตตัวเองหน่อย ไหนๆปีนี้ก็ไม่ได้ไปเที่ยวเมืองนอกละ -"-

นั่งศึกษาเส้นทางแล้วก็ยังงงๆอยู่ดี เพราะทองหล่อเท่าที่ดูมันต้องนั่งรถไฟฟ้าไปลงแล้วต่อมอเตอร์ไซด์เข้าไปอีกไกลเลยล่ะ จะเบื่อเมืองไทยก็ตรงนี้ล่ะ จะไปไหนแต่ละที่ถ้าไม่มีรถส่วนตัวการคมนาคมก็ห่วยแตกจริงๆ

สุดท้ายตัดสินใจมาที่ CTW ที่เดิมที่คุ้นเคย เดินๆอยู่พักใหญ่ผ่านหน้าร้านMK GOLD เค้ามีบุฟเฟ่ต์เฉพาะวันธรรมดาด้วยนะ หัวละ 450 บาทที่เพิ่มมาเห็นมีปลาแซลมอน กับหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ แต่ดูๆแล้วคงใช้เวลานานกว่าจะต้มเสร็จ กินคนเดียวคงวุ่นน่าดู ตัดสินใจมาที่ร้านMOMO PARADISE ดีกว่า

ขึ้นมารอแป๊บเดียวครับ วันธรรมดาคนไม่เยอะเท่าไหร่ เลือกสั่งสุกี้ยากี้ อยากกินหมูดำคุโรบุตะกับเห็ดๆทั้งหลาย ชอบตรงที่หมูเค้าเกรดดีและสม่ำเสมอมากๆ หลายๆครั้งที่มานั่งกินที่นี่คนจะเข้าออกที่ร้านตลอด และจะมีลูกค้าต่างชาติ รวมถึงคนญี่ปุ่นเสมอๆ นั่นแสดงว่ามาตรฐานร้านเค้าต้องดีพอสมควร ^^
เค้าเอามาเสิรฟ์อย่างละถาดก่อนครับ อันนี้ไม่ซีเรียสค่อยๆกินไป เนื้อวัว 2 ถาดแรกแฮปปี้มากครับ มีมันแทรกด้วยเวลาจุ่มน้ำร้อนแล้วกินมันนุ่มจริงๆ พอสั่งเนื้อถาดที่ 3 เป็นเนื้อสันใน(ไม่มีมันแทรก) รู้สึกมันสากๆไปหน่อย เลยพอดีกว่า
เนื้อหมูดำคุโรบุตะ วันนี้สั่งไปร่วมๆ 5 ถาดได้ แค่กินหมูที่นี่อย่างเดียวผมก็ว่าคุ้มแล้วล่ะ เนื้อนุ่มหวาน กินแล้วลื่นคอจริงๆ มากี่ครั้งๆก็ไม่ผิดหวังเลย :)

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

5 พฤศจิกายน 56

5 พฤศจิกายน 2556

วันนี้เป็นวันพิเศษวันนึงของผมเอง ต้องขอบคุณน้องๆที่ทำงานสำหรับของขวัญ(ป๋ำและแอม) ที่สำคัญเหนืออื่นใดคือ ครอบครัวของผม ถ้าไม่มีครอบครัวที่ยืนเคียงข้าง ผมคงไม่มีวันนี้..........

ขอบคุณจริงๆครับ

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

3 พฤศจิกายน 2013 @Ootoya Central Pinklao

3 พฤศจิกายน 2556

วันนี้เจ้าหมูดำไปเรียนเปียโนเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องพาไป ส่วนป้าขอซักผ้าก่อนแล้วค่อยตามไปทีหลัง ตอนเช้าย่าปูมาทำบุญให้ย่าชวดชิต(วันเกิด)ที่วัดใหม่พิเรนทร์แถวบ้านเรา เลยอาศัยให้ย่าปูไปส่งเจ้าหมูดำที่รร.

แจ้งผลสอบเจ้าหมูดำเสร็จ ย่าปูบอกอยากจะไปเลี้ยงฉลองหน่อย รอแค่เจ้าหมูดำเรียนเสร็จ..........ถึงเวลาจริงเจ้าหมูดำเบี้ยวซะดื้อๆ อยากจะไปร้านหนังสือมากกว่าเลยต้องยกยอดไว้คราวหน้า
เลยมาที่ร้านโอโตยะ ร้านอาหารประจำบ้านเรา มีเมนูใหม่ๆเยอะเลย แต่............ถ้าเราดูรายละเอียดจริงๆมันก็เมนูเดิมๆนั่นล่ะเปลี่ยนแค่ซอส กับการเครื่องเคียงแค่นั้น อุๆๆๆๆ
มาที่ของผมก่อน รู้สึกตัดสินใจลำบากมากในการเลือกเมนู หลายๆอย่างเคยกินไปบ้างแล้ว หลายๆอย่างไม่เคยกินและไม่ชอบเลยไม่สั่ง วันนี้ก็มีคอนเส็พว่าไม่อยากกินอะไรที่เป็นของทอด เพราะช่วงหลังๆในอินสตราแกรมผมโพสรูปอาหารที่เป็นของทอดบ่อยมาก จนมีเพื่อนแซวว่ากินเป็นแต่ของทอด แฮะๆๆๆ

สุดท้ายถึงเวลาจริงก็สั่งไก่ทอดในน้ำซุปหอมหัวใหญ่กับหัวไชเท้าฝน จริงๆอยากสั่งชิคเค่นคัตสึกับบ๊วย ไว้คราวหน้าดีกว่า แฮะๆๆๆ
ไชเท้าฝนกินกับข้าวราดด้วยซีอิ้วเป็นอะไรที่เข้ากันดีครับ รสชาดไม่จัดจ้าน แต่สุภาพ อ่อนนุ่มดี อาหารที่สื่อถึงความเป็นญี่ปุ่นไม่จำเป็นต้องเป็นปลาดิบและวาซาบิเสมอไปนะ อิอิอิ
เจ้าหมูดำสั่งกุ้งคลุกเกล็ดขนมปังทอด เป็นครั้งแรกที่มาร้านนี้แล้วเจ้าหมูดำสั่งอย่างอื่นของจากอุด้งในซุปไข่ กุ้งเค้าใช้ไซด์ไม่ใหญ่มากครับเลยต้องอัดหลายตัวหน่อย ทอดได้กรอบดี กินคู่กับไข่ต้มบด......แปลกไปหน่อย - -"
ในเซ็ทมีสลักผักด้วยครับ ผักเป็นแบบออแกนิค ดูค่อยสมราคา ไฮโซ และมาตรฐานหน่อย ผิดกับของเจ้าเมื่อวานที่เรากินลิบลับ..............
ของป้าสั่งหมูคุโรสุรสเปรี้ยวหวานรสชาดอร่อยเหมือนเดิมครับ แต่ตัวจานทีี่ใส่ผัดเปรี้ยวหวานดูใหญ่ไปอ๊ะป่าว? แทบจะล้นออกมานอกถาดเลย
ปิดท้ายก่อนกลับบ้านด้วยชาเขียวร้านชาโฮ ชอบที่ราคาไม่โอเวอร์จนเกินไปและรสชาดก็เทียบได้กับร้านกาแฟชื่อดัง :)

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

นี้คืออัลไล???

2 พฤศจิกายน 2556

วันนี้เจ้าหมูดำถูกป้าทิ้งให้อยู่บ้าน พยายามปลุกให้ตื่นจากที่นอนก็ไม่สำเร็จ แถมตอนเช้าผมต้องไปจ่ายค่าเทอมและรับสมุดพกให้เจ้าหมูดำด้วย เลยต้องไปรร.คนเดียว ทิ้งเจ้าหมูดำไว้กับย่าอ้วน

จ่ายค่าเทอมและรับสมุดพกเรียบร้อย.........กลับมาถึงบ้านก็ยังไม่ยอมตื่น กว่าจะลากออกมากินข้าวเช้า , อาบน้ำแต่งตัวได้เกือบๆบ่ายโมง เผอิญต้นเดือนผมต้องไปทำธุรกรรมที่ธนาคารและจ่ายค่าโทรศัพท์ด้วย เลยต้องพาเจ้าหมูดำมาที่ห้างอีกที

มาถึงห้างก็ทะเลาะกันหน้าร้านอาหารอีก จะกินอะไรกันดี???
เจ้าหมูดำอยากกินปลาดิบ ไปด้องๆมองๆหน้าร้านเซนตั้งนาน เลยพามาฟูจิ บ้านเราไม่ค่อยได้มากินร้านนี้เท่าไหร่ ด้วยความที่คิวเยอะ อาหารได้ช้าและราคาแพงเกินเหตุ

วันนี้มาก็คิวยาวเหมือนกัน มากัน 2 คนพ่อลูกได้โต๊ะใหญ่ นั่งดูเมนูกันสองคนร่วมครึ่งชั่วโมงได้ ไม่ค่อยมีอะไรโดนๆเลย สุดท้ายเจ้าหมูดำอยากปลาดิบเลยสั่งข้าวหน้าปลาดิบมา ส่วนผมคิดเผื่อสั่งชุดอาหารกล่องฟูจิพิเศษกับปลาดิบไข่ตุ๋นเผื่อเจ้าหมูดำด้วย
หน้าตาเบนโตะดูกร่อยๆเหมือนรสชาดไม่มีผิด ตัวปลาแซลม่อนย่างก็ธรรมดาชืดๆจืดๆ , ทาโกยากิไม่ต้องพูด แป้งแหยะๆไม่กรอบและเย็นเจี๊ยบ , บรรดาของทอดก็ธรรมดาเกินไป , ไก่ย่างกับหน่อไม้ฝรั่งก็บ้านๆไม่น่ามาอยู่ในเมนูได้ , ข้าวญี่ปุ่นถ้าเทียบกับเซ็ทของโออิชิราเม็งก็ดูดีกว่านิดที่ข้าวนุ่มกว่า(นิดนึง) แต่ถ้าเทียบกับร้านอื่นและราคาดูจะห่วยไปถนัดตา
ไข่หวานชิ้นหนาโคตร ทียำสาหร่ายเป็นวิญญาณสาหร่ายแทน......
อันนี้ที่สุดของที่สุดครับ แคลิฟอเนียโรล ปั้นได้เละเทะมาก เหมือนพวกข้าวปั้นตามตลาดนัดมากกว่า ตัวไข่กุ้งเละไม่จับติดข้าวปั้น ตัวข้าวปั้นเองก็บูดเบี้ยวๆ ขนาดไม่เท่ากัน ไส้ก็น้อยมาก

จริงๆที่เละๆนี่ไม่ใช่ว่าผมกินแล้วนะ ไปเทียบรูปบนๆดูได้ หึๆๆๆ
มาที่ข้าวหน้าปลาดิบธรรมดา อย่างที่เค้าว่ากันไว้ว่า รูปเพื่อการโฆษณาจริงๆ คราวที่แล้วผมกินจำได้ว่าปลาชิ้นใหญ่มากๆและรสชาดดีเลย มาวันนี้เจ้าหมูดำกินไปแต่เนื้อปลาที่เหลือไม่แตะต้อง พอเรามากินเองก็เข้าใจลูก

ข้าวจืดมาก จริงๆข้าวควรจะเหยาะน้ำส้มสายชูเพื่อเพิ่มรสชาดบ้างและข้าวให้มาเยอะเกินไป กินปลาหมดก็เท่ากับไม่ต้องกินอะไรเลย.......ฮ่วยยยยย

ไข่หวานก็ชิ้นหนาโคตร ผักกวางตุ้ง แตงกวาดอง ขิงดอง จะให้มาทำไม.....ไม่ได้มากินโต๊ะจีนนะ(เฟ้ย)

สรุป..........ลาขาด ลาก่อน T T

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

27 ตุลาคม 56 @Momo Paradise CTW

27 ตุลาคม 2556

วันนี้ตกลงกันไว้ว่าจะแวะไปดูรองเท้ายี่ห้อ ECCO ลดราคาที่ห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เห็นโบว์ชัวร์ห้างอิเซตันที่ส่งมาที่บ้านบอกลดราคา 30- 50% แต่ก็ทำใจเผื่อไว้บ้างละ เนื่องจากเมื่อวานไปเดินดูที่ช็อปของECCO มีแต่รองเท้าทรงลุงๆ ให้ใส่แบบนั้นคงไม่ไหว - -"

เจ้าหมูดำเรียนเปียโนเสร็จก็กระโดดขึ้นรถปอ.สาย 16 จากหน้ารร.ไป เดี๋ยวนี้เค้าเก็บเงินค่ารถเด็ก 8 ขวบด้วย(ไม่ฟรีแล้ว) นั่งไม่ทันไรก็ถึงสยามแล้วต้องต่อรถตู้ไปห้าง.......

วันก่อนย่าปูพูดถึง MOMO PARADISE ว่าจะมาเปิดที่ CDC ราชพฤกษ์ ทำให้ผมน้ำลายสอขึ้นมาทันที สำหรับป้านี่ยังไำงก็ได้(ถ้าฟรีก็กินหมด) มีปัญหาคนเดียวคือเจ้าหมูดำเพราะกินยาก หมูก็ไม่กิน(ทั้งๆที่ไม่ใช่อิสลาม ฮ่วยยยย)

แรกๆเจ้าตัวไม่ยอมกินเพราะอยากกินร้านอื่น สุดท้ายเหลือบไปเห็นเมนูของหวานที่ร้านเจ้าตัวถึงเปลี่ยนใจ และขอสั่งเส้นราเม็งเพิ่มด้วย................


ขออนุญาตเอ่ยถึงเส้นราเม็งก่อนนะครับ วันนี้ที่เรากินกันคือเมนูชาบูแบบหม้อเดีัยว(399 ไม่รวมvat และ servicechart) ซึ่งการกินแบบหม้อเดียว(คือชาบู หรือ สุกี้ แบบเดียวเลย) ราคาจะถูกกว่ากินสองหม้อ รายการอาหารก็จะมีเฉพาะเท่าที่สั่ง แต่ถ้าเราสั่งแบบสองหม้อจะมีหลายๆอย่างที่สั่งได้เพิ่มจากเดิม เช่น ขนมหวาน เส้นราเม็ง และเส้นอุด้ง (และราคาก็เพิ่มตามด้วย แฮะๆๆๆ)

ฉะนั้น ถ้าเรากินแบบหม้อเดียวเส้นราเม็งนี่ถ้าอยากกินต้องสั่งเพิ่มนะฮะ..............วันนี้คนค่อนข้างเยอะพอควร ตอนเราเข้าไปเนื้อวัวก็สไลด์ไม่ทัน ซักพักเนื้อหมูก็ไม่ทันอีก เส้นราเม็งนี่ก็นานเหมือนกัน ร่วมๆ 50 นาทีเห็นจะได้

แต่พอมาถึงก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ร้านเค้าเอาเส้นไปลวกน้ำร้อนให้เราเสร็จแล้วก่อนจะไปแช่น้ำเย็นจัดให้เส้นกรุบๆนิดๆ กินแล้วรู้เลยว่าใช้เส้นราเม็งอย่างดี ไม่ใช่เส้นเละเป็นโจ๊กแบบของโออิชิ หรือแบนเป็นกะเจี๊ยวแมวแบบของฟูจิ แค่กินกับซอสเปล่าๆก็อร่อยละ
คราวก่อนที่มาร้านนี้ เจ้าหมูดำจะร้องยี้ตลอด เพราะไม่กินเนื้อวัว -ไม่กินหมู มาวันนี้คงเพราะโตขึ้นและพยายามปรับตัวให้เข้ากับสังคมมากขึ้น เริ่มจากหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้นเล็กๆลวกกินเอง แล้วก็ลวกชิ้นที่ 2 , ชิ้นที่ 3 กินอย่างมีความสุข

ก่อนหน้านี้ที่ไปหาข้าวกินกันสองพ่อลูก ก็ไม่รู้อารมณ์ไหนอยากกินแกงส้มทั้งๆที่บ่นมาตลอดว่าไม่ชอบกินเ้ผ็ด ต้องวิ่งหาร้านอาหารอยู่นานเหมือนกัน

อีกอย่างคือ ได้เห็นสองแม่ลูกมีกิจกรรมร่วมกัน  ปกติคู่นี้จะทะเลาะกันบ่อยมากๆ จะสามัคคีกันทำอะไรนี่นับครั้งได้เลย (เป็นคู่แม่ลูกที่แปลกจริงๆ - -")
มาดูที่เนื้อหมูกันดีกว่า ร้านนี้เค้าเสิรฟ์หมูดำคุโรบุตะ เมื่อวานไปโชคดีมากที่เราเจอเนื้อที่มีมันแทรกสวยงามเป็นหินอ่อนหลายๆถาด สมแล้วที่เนื้อหมูหมดอย่างรวดเร็ว เนื้อหมูดำจะนุ่มกว่า รู้สึก(เอง)ว่าเนื้อจะหวานกว่าด้วย เวลาจุ่มน้ำซุปร้อนๆแกว่ง 4 - 5 วินาทีก็คืบใส่ปากได้ละ  ที่ใครบอกว่าหมูดำกับหมูปกติจะต่างกันแค่ไหน ขอเถียงคอเป็นเอ็นนะครับ อิอิ ^^"
มาที่เนื้อวัวออสเตรเลีย ด้วยความที่ไม่มีใครกินเนื้อ(ยกเว้นผม) ก็เลยสั่งมาแค่ 2 ถาดและยังไม่สามารถกินได้จนกว่าทุกคนจะอิ่ม แปลกเหมือนกันที่ผมเฉยๆกับเนื้อวัวที่นี่ครับ สุดท้ายด้วยความที่เรากินหมูกับผักมาเยอะ เลยกินเนื้อไปแค่ถาดเดียว อีกถาดยังไม่ได้กินก็คืนร้านเึค้าไป
มาที่เมนูของหวาน ป้าอยากกิน Soilmilk Pudding เค้าว่ากันว่ามีแค่้ 10 ถ้วย/วันเท่านั้น ป้าเลยขอจัดซะหน่อย รสหวานก็หวานละมุนดีแท้
เจ้าหมูดำสั่งโมพาเฟ่ต์ เป็นไอติมSoilmilk วนิลา มีฟรุ๊ตสลัดและพุดดิ้ง แต่งหน้าด้วยขนมไดฟุกุ วิปปิ้งครีมและช็อคโกแล็ต
ส่วนผมชอบเมนูเครื่องดื่มทั้งร้อนและเย็นของที่นี่ เลยจัดชาร้อนอีกที่ รสชาดหวานกำลังดีเหมือนได้กินชานมโบราณแบบชงสดๆเลยครับ ^^
แถมคิทแคทชาเขียวที่ครูพิชเอามาฝากเจ้าหมูดำครับ สวัสดี ^^