วันศุกร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Singapore 2012 Part 15


20 ตุลาคม 2555
วันนี้ตื่นเช้าหน่อย ไม่อยากประวัติศาสตร์ซ้ำรอย(ตกเครื่อง) กระเป๋าเก็บหมดเรียบร้อย รื้อๆขนมที่ขนมากินให้หมด มีขนมหลายอย่างเช่น สาหร่ายเถ้าแก่น้อยขนกลับไปไม่ไหว(กระเป๋าเต็ม) ทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้า 

09.30 น.ฤกษ์งามยามดี ขนของออกจากโรงแรม คืนกุญแจห้องเสร็จถามเจ้าหน้าที่โรงแรมว่าจะขึ้นไปดูที่ห้องมั้ย เค้าบอกไม่ต้องไปได้เลย(ไล่แล้ว) เออดี....ลากกระเป๋าออกมาคนละใบอย่างทุลักทุเล
ผ่านร้านอาหารตรงถนนจูเชี๊ยตมีอาหารไทยขายด้วย
แดดไม่แรงมาก พอจะเดินไหวอยู่
แวะ CITYHALL เพราะเราต้องเอาบัตรTOURSUT PASS ไปคืนก่อน ได้คืนมาใบละ 10S รู้สึกว่าคุ้มค่ากับที่ลงทุนมากๆ
จากนั้นเราวางแผนจะไปซื้อข้าวโพดGARRETเป็นของฝาก ซึ่งเวลายังแค่ 10 โมงเศษๆเราเลยต้องหาที่นั่งรอร้านเปิดก่อน
เดินตามทางไป
เราจะไปซื้อข้าวโพด GARRET แต่ร้านยังไม่เปิดเพราะเพิ่ง 10.30 น. เดาเอาว่าน่าจะเปิด 11 โมงเหมือนห้าง เลยต้องหาที่นั่งรอก่อน

เดินๆซักพัก ปูเป้ตัวดีเกิดปวดท้อง(อีกแล้ว) คงเพราะซัดขนมมากไป เลยต้องเดินหาห้องน้ำกันจ้าละหวั่น ไปเจอห้องน้ำข้างร้าน STARBUCKSพอดี รอนานแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่นานขนาดว่าผมเดินวนๆรอบร้านเค้าได้ 20 กว่้ารอบ 
เดินเกาะ 7-11 ซักพักเริ่มร้องหาขนมอีกละ อิอิอิ
ร้านนี้เป็นร้านขนม แรกๆผมนึกว่าขนมอารายหว่า? ไปดูใกล้ๆหน่อยดีกว่า.....
ร้านขนมธรรมดาๆนี่ล่ะ ขายข้าวเหนียวมะม่วง สาคู บรรดาขนมที่ใช้กะทิทั้งหลาย ขนมบ้านๆก็ขึ้นห้างได้
เราต้องมานั่งรอร้าน GARRETเปิดที่หน้าร้านอาหารไทยร้านนี้ ส่วนผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำมั่ง อิอิอิ
11.10 น.ร้านGARRETเปิดเราก็ไปซื้อข้าวโพดมาฝากแม่ และที่ทำงานด้วย เดินมาร้านC&Kเปิดพอดี ป้าเราก็ขอเกาะกระแสเข้าไปชมซักนิด
เจ้านี่ยืนรอกับผมนานมากๆเป็นชั่วโมงได้ จนคนขายมองว่าไอ้ 2 คนนี้มายืนทำอะไรหน้าร้านตั้งนาน (-_-)"
จากนั้นเดินย้อนกลับที่สถานี เดินขึ้นไปที่ห้าง RAFFLE PLACEเพื่อหาข้าวกินกัน
ใจเราอยากกิน MC กันแต่ไก่ยังทอดไม่เสร็จเลย แถมที่นั่งไม่มี(ขำพนักงานขายร้านMC ปีก่อนผมมาก็เจอไอ้ผู้ชายคนนี้ ปีนี้มา้เจอไอ้หมอนี่อีก อิอิ) เลยต้องMOVEไปข้างล่างหาร้านอื่น พอจะนึกออกว่ามี MOS BURGERน่าจะว่างเลยมาที่ร้านนี้กัน เมนูเยอะกว่าบ้านเราจม

ปูเป้อยากกินไก่กับซุปข้าวโพด บ้านเราไม่มีเลยจัดไปซะหน่อย ผมลองซื้อน้ำเบอรี่มาแก้วนึง เป็นสารพัดตระกูลเบอรี่ทั้งหลาย อย่าง ราสเบอรี่ บลูเบอรี่ และเกิลล์ลี่เบอรี่....อิอิอิ
ซุปข้าวโพดหน้าตาธรรมดาๆ
สั่งอาหารไปต้องรอครับ
ลองพายแอปเปิ้ล หน้าตาเหมือนกะหรี่ปั๊บมาก 555
ไส้เต็มๆ เยิ้มมากกกก
ไก่ทอด เค้ามีรูปบอกด้วยว่าให้ฉีกยังไง ผมก็ซื่อบื้อแกะมันขาดกระจุย ^^"
กุ้งทอด สั่งให้ปูเป้กินอีกอย่าง
อันนี้ของผม บ้านเราจะเป็นเบอร์เกอร์เนื้อพันธุ์ไทยผสม อันนั้นเป็นเนื้อบดย่างหอมๆ มารอบนี้เค้าเขียนเป็นยาคินิขุเบอร์เกอร์ก็อยากลอง สั่งมา ตอนพนักงานเค้าถามผมฟังไม่ทันได้แต่บอกเอามาๆ พอมาเสิร์ฟกลายเป็นเบอร์เกอร์ข้าวซะงั้น เนื้อโอเคนะ ใช้ได้เลย ลักษณะเหมือนหมูชาบูครับ ติดมันนิดๆ
จากนั้นตกลงกันว่า ผมจะออกไปดูหมุดกีตาร์ที่ เพนนิซูล่าพลาซ่า เพื่อไม่ให้เสียม้า(ที่นั่ง)ให้สองคนนั้นนั่งกินข้าวรอในร้านไปก่อน ผมจะตะลุยไปเอง ออกจากร้านขึ้นมาด้านบนงงทิศหน่อยๆ ไม่ได้มาปีนึงจำไม่ได้ เดินวนๆหาอยู่พักนึง เจอโบสถ์นี้ถึงร้องอ๋อ....
ทางขึ้น MRTอีกฝั่ง จริงๆถ้าออกทางนี้จะง่ายกว่านะ
เดินตรงมาโลด...............
ซ้ายจะเป็นตึกนี้
ต้องข้ามถนนมาฝั่งนี้
รถนำเที่ยวของ DUCK TOUR
ข้ามถนนมามี 2 ทางเลือกครับคือ จะข้ามถนนอีกทางแล้วเดินไปหน่อยจะเจอเพนนิซูล่า แต่ผมมันขี้เกียจ......ผมเลือกที่จะเดินตามทางแล้วเดินลอดผ่านอุโมงค์ที่อยู่ตรงข้าม เพนนิซูล่า....
อารมณ์เหมือนอุโมงค์ลอดตรงจุฬาฯครับ เดินตามคนนี้ไปเลย อุอุอุ
ขึ้นมาจะเจอร้านนี้ก่อนครับ ทำเอาผมยืนดูนานเลยล่ะ 
รองเท้าเค้าเยอะมากๆ 
เดินตามทางมาจะเจอร้านนี้ก่อนครับ ขายกีตาร์โปร่งกับอู๊ค ตอนผมไปเที่ยงนิดๆ ร้านเพิ่งเปิด ดูๆไม่น่าสนใจเท่าไหร่ ขายยามาฮ่า เลยเิดินผ่านไป 
ร้านต่อมา SV Guitar จริงๆร้านนี้เป็นตัวแทนขายเอฟเฟคหลายๆอย่าง รวมถึงAMP DR.Z รอบนี้ไม่ได้เข้าไปในร้านเพราะคราวก่อนเข้าไปแล้ว เลยถ่ายรูปแต่ด้านนอกมาครับ
ยี่ห้อพิมพ์นิยมครับ 
มาที่เอฟเฟคส่วนมากบ้านเรามีหมดแล้วครับ 
ร้าน Davis Guitar เป็นตัวแทนจำหน่าย PRS ESP ครับ แต่จะมียี่ห้ออื่นขายด้วย จัดว่าเป็นร้านที่น่าจะมีสินค้าเยอะที่สุด

คราวก่อนมารอบนึง ได้สายกีตาร์ DRเรืองแสงไป รอบนี้ผมมาดูสายสะพายกีตาร์เจอราคาไปถึงกับหงายท้องออกมาแทบไม่ทัน - -"

มาหน้าร้านตะลึงเบส MTD ถ่ายรูปก่อนเลย 

แถวล่างนี่มาใหม่หมด 
Fender Pre CBS Originalครับ ผมไม่แน่ใจว่าเค้าเอามาโชว์ให้ดู หรือขาย เพราะป้ายราคาก็ไม่มี แต่ปกติร้านนี้เค้าไม่มีป้ายราคาอยู่แล้ว ถ้าสนใจจริงคงต้องไปถามเอง 
ตัวนี้เหมือนกีตาร์ศิริมงคล ใครผ่านมาต้องแวะดูและถ่ายรูปตลอด(ฮา)
ซอยตรงข้ามร้าน Davis จะเป็นแหล่งใหญ่ที่เราต้องไปครับ สังเกตุนี่ให้ดี
เดินไล่ไปเจอกีตาร์พวกนี้ครับ ยั่วมากๆ 
ร้าน Music Theme คราวก่อนไปเจอลูกจ้างแขกฟังไม่รู้เรื่อง รอบนี้เดินผ่านๆละกัน สังเกตุทุกร้านจะมี Gibson Fender ขายหมดครับ ซึ่งตัวแทน 2 ยี่ห้อนี้คือ Swee Lee 
รูปเบลอๆหน่อยนะครับ พอดีผมรีบๆหน่อย :D 
แอบเหล่ Godin หน่อยๆ อิอิอิ 
เจอ OM ตัวนี้ทำเอาอึ้งครับ สวยมากๆ >< 
กองทัพ Taylor ช่วงหลังผมไปบ้ากีตาร์โปร่ง ฉะนั้นรูปกีตาร์โปร่งจะเยอะหน่อยนะครับ :P 
Ayer กีตาร์โปร่งเวียดนาม คู่กลางเป็น KOA งานระดับ Customshop สวยงามมากครับ 
ร้าน Alchemy ร้านนี้ของไม่เยอะมากครับ ไปคราวนี้ร้านปิด เลยสาด Flashได้เต็มๆ อิอิอิ 
มาที่กลองบ้าง 
เดินมาอีกนิดก็จะจเอร้านนี้ครับ Guitar77 เป็นร้านขายของมือ 2

มีเอฟเฟคไทยขายที่ร้านนี้ด้วย ราคาเอาเรื่องเลยล่ะ 
มาที่ร้านนี้ครับ
ขาย Blackstar
Maestro Guitar กีตาร์สัญชาติสิงคโปร์ มาทีไรต้องแวะถ่ายรูปครับ 
ร้านนี้เป็นร้านซ่อม มี่กีตาร์มือสองด้วยไม่น่าสนเท่าไหร่
จากนั้นมีเรื่องให้เซอร์ไพรส์และประทับใจครับ

คราวก่อนผมตามหาร้านกีตาร์ร้านนึง นั่นคือ luthermusic ซึ่งเค้าเป็นตัวแทนจำหน่ายกีตาร์ยี่ห้อ Lakewood กีตาร์โปร่งไฮเอนด์ของเยอรมัน ซึ่งคราวนั้นหาร้านไม่เจอ

มารอบนี้เจอร้านต้องสงสัย ไม่แน่ใจว่าใช่มั้ยเพราะเล็กเป็นรูหนู ตัดสินใจใจเข้าไปถามคนข้างใน เค้าบอกว่าใช่ แล้วชี้ไปที่ผู้หญิงด้านใน(คนนั้นดันเป็นลูกค้าครับ 55)

ผู้หญิง : จะดูอะไรคะ? 
ผม : กีตาร์โปร่งครับ 
ผู้หญิง : เป็นยี่ห้ออะไรคะ?
ผม : Lakewood ครับ
เค้าเลยบอกให้เดินตามมาเพราะร้านอยู่อีกที่นึง

พอเดินออกจากร้านไป 3 ก้าว เค้าก็ถามว่าเป็นคนไทยหรือเปล่า(ถามด้วยภาษาไทย) ผมบอกใช่ครับ แล้วถามเค้าไปว่ามาอยู่ที่นี่ได้ไง ก็คุยกันนานเลยล่ะ สรุปว่าเค้ามาทำงานที่นี่ครับ เป็นพนักงานขายที่นี่ แล้วในบ้านเราก็ยังไม่มีตัวแทนจำหน่ายเลยมีคนไทยบิืนมาซื้อบ่อยๆ

เข้าไปถึงที่ร้านซึ่งอยู่อีกที่นึงเค้าต้อนรับดีมากๆ ผมได้ลองสับคอร์ดไป 4-5 ทีได้ สรุปว่ากีตาร์คอเข้ามือมากๆ เสียงโปร่ง หวาน มีน้ำมีนวล กำลังดี แต่ตูดอาจไม่ใหญ่เท่า Matrin OM แต่ถือว่าเป็นยี่ห้อที่น่าสนใจมากๆ 
นั่งๆเล่นอยู่อาบังที่ยืนดูผมเล่นบอกว่า Nice!!! น่าจะหมายถึงเสียงกีตาร์ยอดมากๆ :D

ทางร้านเค้าบอกว่า กีตาร์ทุกตัวที่ส่งมาที่ร้าน ร้านเค้าจะมี Special Order คือให้ทำคอให้เหมาะกับชาวเอเชีย และกีตาร์ทุกตัวได้รับการเซ็ทอัทใหม่หมดทั้งจาก lakewood และทางร้านเอง ฉะนั้นมั่นใจว่ากีตาร์ทีคุณซื้อไปได้รับการเซ็ทอัพจากมืออาขีพแน่นอน

พูดคุยเสร็จก็อยากได้นะครับ แต่....ไม่ได้พกเงินมาเยอะขนาดนั้น เลยซื้อของที่ระลึกติดมือไปหน่อยๆ

ก่อนกลับขออนุญาตเค้าถ่ายรูป ฝากเรื่องถ่ายรูปนิดครับ ผมสังเกตไม่ว่าจะร้านในบ้านเราเอง หรือร้านที่อื่น หลายๆร้านเค้าจะมีป้ายติดว่าห้ามถ่ายรูป กรุณาให้เกียรติ์ร้านค้าเค้าด้วย บางท่านถ่ายไปแล้วโดนร้านเค้าดุแล้วท่านมาเม้งแบบนี้ก็ไม่ถูกครับเพราะเค้ามีป้ายบอกไว้ ทางที่ดีควรขออนุญาตเค้าก่อน ใจเขาใจเรานะครับ
ร้านเค้ามี LAG กัย Yamaha ด้วยครับ ไม่ได้ลองเวลามีจำกัด(เดี๋ยวตกเครื่องครับ) 
เดินเลยเป็นเป็นมุมขาย Keyboard ของYamaha กับ Korg ไม่ได้เข้าไปครับ เพราะพวกนี้บ้านเราก็มี และคงเอาขึ้นเครื่องบินลำบาก 
ร้าน Swee Lee เป็นตัวแทนจำหน่าย Fender Gibson Ibanez Boss ร้านใหญ่อยู่ที่ Brash Braza ผมเคยไปคราวก่อนเป็นร้านที่ไม่น่าเดินเลย คือ มันเงียบๆ จัดร้านเหมือนพวกโกดัง ของกองๆไว้ มางวดนี้เค้ามาเปิดสาขาเพิ่มที่นี่

เดินผ่านที่นี่ ให้ความรู้สึกเหมือนร้านบางร้านในบ้านเรา คนขายนั่งหลับหูหลับตาปั่นแข่งกัน 2 คนไม่ได้สนใจลูกค้าเลย เสียงก็เปิดดังไปถึงหัวมุม และไม่มีลูกค้าเลย ไม่แปลกใจทำไมร้านอื่นมี Fender Gibson Ibanez ขายกันเกลื่อนกราด 
จากนั้นก็กลับมารับปูเป้กับป้าที่ร้านMOSครับ ป้าบอกว่าเจ้านี่แสบมาก กินมากไปหน่อยปวดท้อง เดินไปปลดทุกข์ที่ห้องน้ำเองด้วย ไม่รู้ล้างก้นสะอาดมั๊ย(ปกติเวลาเข้าห้องน้ำปูเป้ไม่กล้าเข้าคนเดียวต้องมีพ่อแม่ตลอด แต่ตอนอยู่โรงเรียนดันทำได้อ่ะ - -")

13.20 น.ได้เวลาเผ่นครับ เราก็ลากกระเป๋ามาที่CITYHALLเพื่อต่อรถไฟไปสนามบินกัน :D
คราวนี้เราเดินทางไวหน่อยและเป็นเวลากลางวันอยู่คนเลยเยอะเ้หมือนกัน
รถเค้าไม่มีคนขับนะจ๊ะ
เราต้องมาต่อรถไฟที่อาคาร 2 เพื่อไปอาคาร 1 
จากนั้นมาที่ด่านชั่งกระเป๋าของแอร์เอชีย ทำเอาเราเกลียดคนไทยอีกรอบ บ้านเราต่อแถวดีๆมีคนลากกระเป๋าแทรกมา พูดไทยชัดปร๋อ ขนาดว่าหันไปมองหน้าก็แล้วยังหน้าทนทำเนียนไป........เฮ้ออออ

กระเป๋ามี 2 ใบ แอบกังวลนิดๆว่าน้ำหนักขอไว้ 30 กิโลสงสัยไม่พอ ลองหยั่งเชิงเอาใบแรกไปชั่งก่อน ปรากฎได้ 23 กิโล แอบลุ้นว่าน่าจะรอด เลยให้เจี๊ยบเอาอีกใบไปแอบชั่งที่สายพานใกล้ๆกัน ปรากฎว่าได้ 18 กิโล โอ้ววว!!!

เจ้าหน้าทีั่ถามว่ามีกระเป๋าใบเดียวหรือ เราเลยบอกมีใบเดียวครับ แฮะๆๆๆ อีกใบเลยต้องเอาขึ้นเครื่องไป....

ชั่งน้ำหนักเรียบร้อยก็เข้ามาด้านในสนามบิน ต้องหาซื้อของตามใบออเดอร์ก่อน ทางซ้ายเป็นร้านดิวตี้ฟรีน้ำหอม เข้าไปเราก็โชว์รูปสินค้าที่อยากได้ พนักงานเค้าก็หาให้อย่างรวดเร็วแล้วเอาไปวางที่เคาเตอร์แล้วก็เดินจากไป เราก็งงว่าแล้วทำไงต่อ....ยืนรอพนักงานคนเดิม หายไปแล้ว หายไปนานจนคิดว่า กูไปบอกคนขายคนอื่นดีกว่ามั้ย? จนเจี๊ยบบอกว่าให้บอกบอกแคชเีชียร์ว่าจะจ่ายตังค์ถึงได้ของมา

จากนั้นข้ามไปดิิวตี้ฟรีบุหรี่ เค้ามีลิมิตให้ไม่เกินคนละกล่อง เราก็งงๆว่าเอาไงดีวะ? สุดท้ายได้ไป 2 กล่องตามสิทธิที่เรามี (2 คน)
นั่งพักแป๊บนึงก็มีเจ้าหน้าที่สนามบินมาทักทาย พอเห็นหน้าเราเลยถามว่าคนไทยหรือเปล่า(หน้าเหมือนคนไทยหรือไงฟะ?) ถามไปถามมา น้องเค้าเป็นเจ้าหน้าที่บริการของสนามบินซางฮีครับ มีIPADเป็นอาวุธ เอ๊ยยย คอยเช็คเที่ยวบินอะไรให้ เจอคนไทยดีๆก็อบอุ่นดีแท้ :D
15.30 น. จากนั้นเราไม่รู้จะทำอะไรละ เครื่องออก 5 โมงเย็นไปนั่งรอหน้า GATEดีกว่า
นั่งๆรอซักพัก เหมือนท้องจะร้อง เลยเดินออกมาหาอะไรกิน เจอแต่ร้านราคาโหดๆ เลยสั่งชาเขียวกินดีกว่า ราคาเท่าบ้านเราครับ ฉะนั้นกินได้อย่างสบายใจ(แพงเหมือนกัน 555)
เจอร้าน BURGER KINGด้านบน หาเฟร้นฟรายรองท้องหน่้อย 
เจอทัวร์จีนพวกอาม่า ยืนขวางซะกลางลำ คนรีบๆก็แซงไม่ได้ ถ้าเจอพวกนี้ไม่แปลกใจไม่ไทย ก็จีนครับ(ฮา)
17.00 น.ประตูเปิดเราก็ทำการเช็คอิน และ...................ป้าอีกแล้วยัดน้ำดื่มใส่เป้ผม  และเครื่องสแกนก็ร้องซิครับ เจ้าหน้าที่ยิ้มเลยมารื้อกระเป๋าผมแล้วก็เจอน้ำขวดเจ้าปัญหา ป้ายิ้มแฮะๆๆๆๆตามเคย
น่านฟ้าสิงคโปร์สวยงามมากครับ
บนเครื่องเต็มไปด้วยคนไทย เสียงดังอึกทึกครึกโครมไม่แปลก แต่น่ารำคาญไอ้แถวข้างหน้ามากัน 3 คนพ่อแม่ลูก รู้ว่าลูกตัวเองซนก็น่าจะปรามๆหรือเตือนบ้าง ปล่อยให้ลูกตะกุยเบาะกระโดดไปมา แถมเปิดIPADเสียงดังลั่นเครื่อง ตอนนั่งก็เอนเบาะมาสุด ขนาดแอร์มาเตือนก็ยังไม่สนใจ บ้านเราก็นั่งต่อจากมัน เราก็สบตาแอร์หลายรอบแต่เหมือนมันจะไม่สนใจอะไร คิดซะว่า...นั่งเครื่องมากับพวกคนไร้มารยาทจะดีกว่า ไอ้ผมไม่เท่าไหร่ แต่เป้เหมือนจะรำคาญมากเพราะนอนไม่หลับเลย แรงสุดคงเป็นที่ลูกมันปีนข้ามมาปิดหน้าต่างตรงที่เป้นั่งโดยที่พ่อแม่มันนั่งเงียบ.....คนไทยหรือเปล่า์์?!

ช่วงนอนๆอยู่ปวดท้อง แอบไปปล่อยระเบิดบนเครื่อง สุดยอด เป็นความรู้สึกที่ตื่นเต้นมาก อิอิอิ
19.20 น.มาถึงดอนเมือง นั่งรอโหลดกระเป๋านานโคตรๆ คนก็ไม่รู้มาจากไหน เฮโลมากันเยอะแยะ กว่าจะเจอกระเป๋าล่อไป 40 นาที ใครบอกดอนเมืองดีกว่าสุวรณณภูมิ ขอเถียง!!!
ยืนรอแท็กซี่เจอคนไทยงี่เง่าแซงคิวอีก โคตรเบื่อ.............................เจอค่าแท็กซี่เหมือนโดนปล้นยังไงไม่รู้ T T
กลับมาดูของฝาก ได้กระดิ่งรถจากไดโซะ 2Sเอง แฮปปี้มากๆ
รอบหน้าคงได้ซื้อกีตาร์ยี่ห้อนี้แน่ๆประทับใจมากๆ
เจ้าหนูSungha Jung เพราะเจ้านี้ล่ะครับ Lakewoodเลยดังกระหึ่ม ^^ 
เอฟเฟคที่ได้มา ราคาถูกเป็นขี้
น้ำหอมที่ได้มาครับ ขนมาเพียบบบบ

ท้ายนี้ขอขอบคุณ...
แม่ ถ้าไม่มีแม่เราคงไม่ได้ไปสนุกครั้งนี้
เป้-เจี๊ยบ(ร็อคอำพัน.....ฮา) ไปไหนไปกันตลอดคู่นี้ อิอิอิ
อาปูที่ให้ยืมกระเป๋าเดินทาง อาแก่อาปุ๊ก ด้วยครับ
เพื่อนๆกีตาร์ไทย อ.ปอ พี่กวิน คุณตูน นัท ต้าร์ พี่หมอเอ พ้ง ฯลฯ สำหรับข้อมูลต่างๆครับ
เพื่อนDPUทุกท่าน
ร้านกีตาร์ LUTHER MUSIC คราวหน้าคงได้ไปสอยแน่นอนครับ
ร้านMUSIC FOOTSTEP สำหรับ SPECIAL PRICE สุดยอดมากๆครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ตามอ่านมา พบกันใหม่กับการเดินทางครั้งหน้าครับ :D