วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Kyu Roll En



วันนึงในเดือนตุลาคม 2559

ผมก็เพิ่งรู้ว่า ไอ้เมนูเมจิหยดน้ำ หรือ Raindrop Cake มันจะดังมากในหมู่เด็กๆ ถึงขนาดเจ้าหมูดำต้องร้องมากินที่ร้าน  kyo roll en กับเค้าด้วย มาดูประวัติคร่าวๆกันครับ

ขนมชนิดนี้ในญี่ปุ่นเรียกว่า มิซึชินเกนโมจิเดิมทำจากน้ำแร่ผสมกับแป้งข้าวเหนียวแบบเดียวกับขนมโมจิทั่วไป จนกระทั่งร้าน คินเซเคนร้านขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่นในเมืองโฮคุโตะ จังหวัดยามะนะชิ ได้ปรับปรุงสูตรโดยใช้วุ้นเจลาตินผสมกับน้ำแร่แทนแป้งข้าวเหนียว ทำให้ได้โมจิที่ใสดุจหยาดฝน เมื่อกินคู่กับผงถั่วเหลืองป่นและน้ำเชื่อมน้ำตาลแดง ให้ความรู้สึกสดชื่นหอมหวาน แต่ไม่หวานเอียน

ขนมที่ทำให้ น้ำเคี้ยวได้นี้ได้รับความนิยมอย่างมากในญี่ปุ่น แต่เนื่องจากตัวขนมคงรูปอยู่ได้เพียงแค่ 30 นาที ทางร้านคินเซเคนจึงผลิตจำหน่ายจำนวนจำกัด และต้องรับประทานที่ร้านเท่านั้น ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากยอมเดินทางไกลจากฮอกไกโดหรือเขตคันไซ เพื่อมายังร้านขนมในพื้นที่ชนบทในจังหวัดยะมะนะชิ และต่อแถวนานนับชั่วโมงเพื่อชิมขนมโมจิหยาดฝนนี้
หลังจากนั้น ร้านขนมในต่างประเทศ เช่นที่เกาหลีใต้ รวมทั้งเชฟชื่อดังของสหรัฐฯ ได้ทำขนมแบบเดียวกันนี้ขึ้นจนได้รับความนิยมอย่างมากในต่างแดน สื่อมวลชนในสหรัฐฯ ทั้งรายการโทรทัศน์, หนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์ต่างกล่าวขวัญถึง น้ำที่เคี้ยวได้จากญี่ปุ่นอย่างแพร่หลาย

 ร้านขนมญี่ปุ่นที่เป็นต้นตำรับขนมโมจิหยาดฝน ระบุว่า ขนมของทางร้านมีความพิเศษที่ใช้น้ำแร่จากภูเขาในจังหวัดยะมะนะชิ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น เทือกเขาแอลป์แห่งญี่ปุ่นซึ่งขนมแบบเดียวกันในต่างประเทศไม่สามารถใช้น้ำที่บริสุทธิ์แบบเดียวกันได้
       

 เนื่องจากขนมโมจิหยาดฝนต้องทำด้วยมือ ในแต่ละปีทางร้านจึงผลิตขนมได้ในจำนวนจำกัด โดยในปี 2016 นี้จะเริ่มจำหน่ายตั้งแต่เดือนมิถุนายนจนถึงเดือนกันยายนเท่านั้น และจำหน่ายเฉพาะในวันเสาร์และวันอาทิตย์

Credit : http://www.manager.co.th/Japan/ViewNews.aspx?NewsID=9590000038859

วันที่ไม่มีแม่อยู่อีกแล้ว

28 กันยายน 2559

วันนี้ทำงานตามปกติครับ เลิกงานเสร็จออกจากที่ทำงานทุ่มนึงเหมือนเดิม นั่งรถตู้นั่งรถเมล์ กว่าจะถึงแถวบ้านแวะซื้อกับข้าวก็ 2 ทุ่มครึ่ง เข้าบ้านเสร็จก็ 3 ทุ่ม เจอแม่นั่งหลับคาทีวี ก็แบ่งลูกชิ้นทอด กับข้าวถ้วยนึง(แบ่งเกาเหลาลูกชิ้นใส่ชาม ใส่ข้าวในชามด้วย) แม่กินเสร็จก็เข้าบ้านไปนอน ส่วนผมนั่งกินข้าว ซักผ้า ดูทีวีต่อ พอ 4 ทุ่มครึ่งผมถึงเข้าห้องนอน เห็นแม่ปิดไฟนอนหลับไปแล้ว ผมนั่งเล่นมือถือจน 5 ทุ่มถึงปิดไฟนอน

29 กันยายน 2559
ประมาณเที่ยงคืนกว่าๆ ได้ยินเสียงแม่ร้อง แรกๆไม่ได้สนใจอะไร จนได้ยินเสียงร้องดังขึ้น ผมลุกขึ้นมาดู ออกมาดูถามว่าเป็นอะไร แม่บอกหายใจไม่ออก ผมถามว่าไปโรงพยาบาลมั้ย? แม่บอกไม่ไป ไม่ต้องเดี๋ยวก็หาย ผมเข้าไปแม่ใกล้ๆ แม่มีเหงื่อออกเต็มตัว หายใจแรง โดยหายใจทางปาก ตัวเย็นเฉียบ ผมเอายาดมมาให้แม่ดม และบีบนวดตัว

สักพักแม่บอกไม่ไหว ผมถามว่าไปโรงพยาบาลธนบุรีมั้ย? แม่บอกไปไม่ไหว ผมเลยบอกว่าเรียกรถพยาบาลมารับละกัน ตอนนั้นปวดท้องบอกแม่ว่าขอเข้าห้องน้ำแป๊บ จากนั้นผมวิ่งไปตามเจี๊ยบที่ห้อง แล้วกดเซิร์ทหาเบอร์ โทรติดก็บอกโรงบาลไปว่ามารับที่บ้านนะ ซักพักแม่บ่นปวดท้องต้องให้เจี๊ยบพยุงพาเข้าห้องน้ำ เสร็จแล้วมานั่งรอ อาการยังไม่ดีขึ้น

จากนั้น แม่บอกให้ผมออกไปดูรถพยาบาลหน้าปากซอย ให้เจี๊ยบคอยดูแม่เอง ผมออกไปยืนรอรถอยู่พักนึงก็มา ต้องบอกเค้าว่าซอยที่บ้านแคบมาก และคนป่วยตัวใหญ่ ต้องระมัดระวังพอควร

ในรถพยาบาลมีเบลมาด้วยครับ มีพยาบาลมาด้วยคนนึง เค้าก็ใช้ความพยายามอยู่พักนึงกว่าจะอุ้มแม่ขึ้นเปลได้ แต่ช่วงที่อุ้มแม่ขึ้นมา แม่ก็ร้องโอยยยย แล้วก็สลบไป ผมเริ่มใจไม่ดี ถังออกซิเจนที่เค้ามีก็เล็กมาก ผมนั่งไปกับรถพยาบาลด้วย เจี๊ยบอยู่บ้านกับเป้

ออกมาจากซอยถึงโรงพยาบาล หมอและพยาบาลทำการรักษาและปั้มหัวใจ ไม่นานอาแก่กับอาปุ๊กก็มา หมอแจ้งความคืบหน้ากับเราเรื่อยๆ จนกระทั่ง ตี 2 ก็บอกว่าหัวใจหยุดเต้นระหว่างทางนานเกินไป ทำให้ไม่สามารถช่วยได้ทัน.....

วันพฤหัสบดีที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2559

Afteryou

วันนึงในต้นเดือนตุลาคม 2559

ไปจัดการธุระนั่นนี่โน่น เรื่องของแม่เรียบร้อย (ขอพูดในบล็อคถัดๆไป) เราก็ไปกินขนมกันครับ