วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ภาค 9 : 27 ตค.57 วันที่ 5 กลับบ้านแล้วจ้า

03.30 น. วันนี้กลับเมืองไทยแล้ว ตื่นแต่เช้าหน่อยกันพลาดครับ เพราะมีรถรับส่งไปสนามบินฮาเนดะรอบแรกเวลา 04.00 น.แต่คงไม่ทันหรอก กะว่าถ้าเลทสุดก็เป็นรอบ 06.20 น.

พอตื่นเช้าปุ๊บเราก็มีเวลาแช่น้ำอุ่นหน่อย มาเที่ยวที่นี่ 5 วันรู้สึกเหนื่อยมากๆแต่ในความเหนื่อยมันมีความสุขและความภูมิใจปนอยู่ ไม่ได้กดดันอะไรมากมาย ความไม่รู้ภาษาบ้านเค้าไม่ใช่อุปสรรคที่อยู่ตรงหน้าเลย ตรงกันข้ามเรารู้สึกสนุกและอยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่รอเราอยู่

05.30 น. เตรียมลงไปข้างล่างเช็คสัมภาระครบไม่ลืมอะไร เอาถุงขยะวางไว้หน้าห้องล็อคประตูเรียบร้อย พูดถึงขยะ...เราเคยเอาถุงขยะวางไว้หน้าห้องน้ำคิดว่าแม่บ้านจะเก็บไปทิ้ง แต่ไม่ครับเค้าคงไม่รู้ว่าอันไหนเอาไม่เอา เราเลยต้องวางไว้นอกห้องหน้าประตูเค้าถึงเก็บไปทิ้ง

ลงมาเจอเจ้าหน้าที่ผู้ชายตรงเคาท์เตอร์เราถามให้แน่ใจว่า มีรถรับส่งไปสนามบินฮาเนดะใช่มั้ย? เค้าบอกว่ามีรอบ 06.20 น. เราเลยอุ่นใจ จัดแจงเช็คเอ้าท์คืนคีย์การ์ด เค้าก็ออกใบเสร็จให้ จากนั้นไปหาที่นั่งกินข้าว ไปดูอาหารเช้ามีแค่แพนเค้ก โยเกิรต์ ไส้กรอก....นะ มีแค่นี้ก็ต้องกินทำไงได้
06.10 น. กินเสร็จเดินไปถามรอบ 2 เค้าบอกว่ารถมาเดี๋ยวจะบอก

06.20 น. รถยังไม่มาตามเวลาเลยเดินไปถามรอบ 3 เราเริ่มใจไม่ดีว่าตกลงกรูตกรถหรือเปล่า? เค้าเลยบอกว่ารถกำลังมาครับ
06.35 น. เจ้าหน้าที่คนเดิมเดินมาบอกเราว่า รถมาแล้ว จึงจัดแจงเดินไปที่รถ เจ้าหน้าที่คนนั้นเดินออกมาส่งเรา คนขับเป็นตาลุงแก่ๆมาช่วยเราหิ้วกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 2 ใบ หน้าตา บ่ จอยเลยคงไม่ได้พักด้วย รถจอดปุ๊บมารับเราไปต่ออีก ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีรถก็ออก ทั้งคันมีบ้านเรา 3 คนแค่นั้น ส่วนเจ้าหน้าที่คนนั้นยืนส่งเราขึ้นรถแล้วโค้งให้งามๆ รอจนรถออกไป บริการได้ใจโคตรๆ 
ตลอดเส้นทางรถไม่ติดเลยครับ มีติดไฟแดงบ้างแต่ไม่ใช่ปัญหา 
ไม่นานก็ถึงสนามบินตามเวลา


07.05 น. ถึงสนามบินฮาเนดะตามเวลาเป๊ะ ตาลุงคนขับมาช่วยเราขนกระเป๋าลงจากรถ เจี๊ยบบอกให้ติ๊ปเค้าหน่อยซิ แต่ผมมองว่าเค้าต้องบริการเราอยู่แล้วอีกอย่างธรรมเนียมคนญี่ปุ่นเค้าไม่ใช่ทิปกันเพราะถือว่าอยู่ในเซอร์วิสชาร์ทไปแล้ว สุดท้ายเลยไม่ได้ให้ไป
07.10 น. เค้าเตอร์เช็คอินการบินไทยยังไม่เปิดให้เช็คอิน ในขณะที่เค้าเตอร์สายการบินอื่นเปิดหมดแล้ว ส่วนเครื่องเช็คอินอัตโนมัติมีของทุกสายการกินครับ...........ยกเว้นการบินไทยครับ.....ถุยยยย !!!
ไม่รู้จะทำอะไรทำได้แต่เข็นรถไปมาๆหาที่นั่ง ที่นั่งก็มีน้อยจริงๆ เลยตกลงกันว่าผมเฝ้ากระเป๋าไป สองคนนั้นไปเดินเล่นก่อน

08.00 น.เค้าเตอร์การบินไทยเปิดให้เราไปต่อแถวได้ แต่ยังไม่ให้เช็คอิน เจ้าหน้าที่(น่าจะคนญี่ปุ่น)ถือป้ายบอกให้รู้ว่าจะให้ทำการเช็คอินได้ในเวลา 08.20 น.

08.20 น. เช็คอินตามเวลา เจ้าหน้าที่เป็นของสายการบิน ANA พูดไทยไม่ได้เลย น้ำหนักกระเป๋า 42 กก. เหลือน้ำหนักเพียบ แต่....แค่นี้ก็ไม่ไหวละ
08.30 น.โหลดกระเป๋าเสร็จก็ได้เวลาเดินเล่น ดูร้านค้าในสนามบิน 



ร้านอาหารมีอยู่หลายร้าน บางร้านเป็นร้านกาแฟ เป้ร้องจะกินไอติมผมมองเข้าไปในร้านไม่มีที่นั่งเลย ผมอยากให้หาร้านที่มีที่นั่งเป็นเรื่องเป็นราวเพราะเครื่องกว่าจะออกอีกนาน สุดท้ายเลยเข้าตม.เลยดีกว่า
08.40 น.เข้าด่านตม.ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย เสียเวลากรอกเอกสารพักใหญ่แค่นั้น
09.00 น. เราต้องขึ้นเครื่องที่ GATE105 ป้ายบอกทางให้ไปทางขวาก็ตามป้ายไปฮะ ร้าน DUTY FREE มีหลายร้าน แต่ละร้านแยกขายประเภทใครประเภทมัน ร้านขายบุหรี่เหล้าก็มีแค่นั้น ขายกระเป๋าก็มีแต่กระเป๋า ร้านค้าแต่ละร้านไม่ค่อยใหญ่โตอลังการเหมือนที่นาริตะ สุวรรณภูมิ หรือซางฮีครับ ร้านจะเล็กๆเรียบง่าย 
จนมาเจอร้านนึงคนมุงเยอะมาก เป็นร้านขายขนมครับ มี ROYCE ที่เป้และอาปุ๋ยอยากได้ด้วย ยืนวนๆพักนึงคนก็เริ่มเยอะขึ้น เลยต้องรีบตัดสินใจซื้อ ตอนจ่ายเงินร้านนี้ต้องแสดง Passport ด้วยนะครับถึงจะซื้อได้ ถ้าไม่มีเค้าไม่ให้จ่ายเงินนะ(เออแปลกดี) ผมจ่ายเงินเสร็จเรียบร้อยก็เรียกเป้ออกมานั่งหาเก้าอี้นั่งรอเจี๊ยบหน้าร้าน 
เราสองคนพ่อลูกก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ นั่งไปก็ชักนานเริ่มสงสัยว่าทำไมเจี๊ยบซื้อนานจังคิดว่าคิวคงยาว เพราะคนเยอะมาก นั่งซักพักมีชายหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีคนนึงกับชายอ้วนๆอีกคนเข็นรถผ่านหน้าเรา ผมอุทานมาทันที “วิลลี่ใช่มั้ยครับ” เค้าตอบมาว่า “ผมวิลลี่ครับ” ผมเลยทักทายเค้าว่า “สวัสดีครับ” เค้ายิ้มและตอบกลับว่า “สวัสดีครับ” แล้วก็จากไป

นั่งรอพักใหญ่ก็รู้สึกว่าป้าไปไหนฟะหายไปร่วม 30 นาทีเลยเดินไปดูที่ร้าน DUTY FREE มองหาทั่วร้านไม่มีแล้ว แล้วไปไหน? ตัดสินใจมารอที่เดิม ซักพักก็เดินมากระหืดกระหอบแล้วบอกว่า นึกว่าเราเดินไปรอที่ Gate เลยเดินไปโน่นเลย ป๊าดดดด
09.30 น. เดินไปจนใกล้จะถึง GATE 105 มีร้าน DUTY FREE ร้านสุดท้ายครับ ขนาดย่อมๆกว่าร้านแรกเยอะเลย มีมุมที่ขายยาด้วยเลยเข้าไปถามยาตัวที่เราหาอยู่ ไม่มีอีกแล้ว เดินออกมานอกร้านด้วยความผิดหวัง เดินมาตรงที่นั่งรอเค้ามีที่ชาร์ทโทรศัพท์ให้ฟรีผมก็เลยเอาไอโฟนมาชาร์ททิ้งไว้ นั่งนึกไปนึกมาเมื่อเช้าตรูเอาสายชาร์ทมาจากโรงแรมป่าวฟะ รื้อกระเป๋าดูไม่เจอ ตายๆๆๆๆ รีบวิ่งไปดูที่ร้าน Duty Free ร้านแรกเห็นราคาแล้วมึน หน้าตาสายชาร์ทเหมือนแถวคลองถมแต่ราคาในห้างชัดๆ ตัดใจไม่เอา แล้วเดินย้อนไปดูร้าน Duty Free ร้านอื่น เข้าไปดูกระเป๋าหนัง Burberry เห็นราคาแล้วจับไม่ลงไปดีกว่า
มาร้าน Duty FREE ร้านสุดท้ายอีกรอบเดินดูว่ามีอะไรที่น่าสนใจอีกมั่ง? มาเตะตาตุ๊กตาคิวพีที่เพื่อนผมคนนึงชอบ เอามา 5 ตัว 5 แบบ เสียเงินจนได้
10.10 น. มารอคิวหน้า Gate 105 คนเยอะมากและยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดให้เช็คอินซะที

10.50 น.การบินไทยรักคุณเท่าฟ้าเปิดประตู Gate แถวยาวเป็นหางว่าว มนุษย์คนไทยก็แซงคิวกันตามไทยแลนด์สไตล์ มีมนุษย์ป้าคนนึงใช้เท้าถีบกระเป๋าเดินทางตัวเองแทนมือตลอดทาง ผมเลยมองแก อายุขนาดนี้ผมก็สีขาวโพลนทั้งหัวทำไมทำตัวเป็นเด็กแบบนี้ฟะ?

11.30 น. เครื่องดีเลย์เป็นชั่วโมง เป็นอะไรที่ทุเรศคงเส้นคงวามาก คนเต็มลำและโคตรวุ่นวาย แอร์ดูจะรับมือไม่อยู่ สังเกตเวลาเสิรฟ์ไปบ่นไป ขออะไรก็นานมากและไม่ได้ ผู้โดยสารแต่ละคนเรื่องมากทั้งนั้น ห้องน้ำเลิกคิดได้เลยครับรอนานมากๆ
ตอนเครื่องออกจากฮาเนดะสังเกตว่ามีฝนตกลงมาด้วย ตรงตามที่เวป Yahoo Japan ทำนายเป๊ะ นี่เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของเราในการเดินทางครั้งนี้

อาหารที่เสิรฟ์บนเครื่องก็โคตรห่วย ข้าวแข็งโป๊ก ต้องทิ้งไปเลย

15.40 น. ตามเวลาบ้านเรา ถึงสนามบินสุวรรณภูมิตามเวลาเป๊ะ มึงทำได้ไงฟะ??? กองทัพไทยแลนด์ตามหลังมาเป็นพรวน รีบไปรับกระเป๋าก่อน
17.00 น. ขึ้นแท็กซี่เผ่นละ
17.50 น. ถึงบ้านแล้วคาฟ

ค่าใช้จ่าย
ลำดับ
ค่าใช้จ่าย
ราคา(Y)
1
ค่าโตเกียวบานาน่า
3,805
2
ค่าตุ๊กตาคิวพี
 411 x 5 = 2,055

ท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณ
-          - ย่าอ้วน ที่สนับสนุนให้เราไป ย่าอ้วนบอกว่า อยากไปก็ไปเที่ยวเลยไม่ต้องห่วง
-          - ปู่แก่ ย่าปุ๊ก ย่าปู สนับสนุนอุปกรณ์เดินทางและค่าใช้จ่าย
-          - เจี๊ยบกับเป้ ไปไหนไปกันตลอด อาจจะมีบ่นบ้างไรบ้าง แต่ก็ไม่เคยทิ้งกันไปไหน
-          - เพื่อนชาวญี่ปุ่นหลายๆท่าน สำหรับข้อมูลการเดินทาง
-          - เวปไซด์พันธ์ทิพย์ , กูเกิ้ล , เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม , มารุมะ , เจแปนไทยแลนด์แฟนคลับ , ติวเตอร์ตู่  , ไฮเปอร์เดีย , HIS Thailand สำหรับข้อมูลในการเที่ยว
-          - ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่าน รอบหน้าเจอกันใหม่ครับ สวัสดี J

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ภาค 8 : 26 ตค.57 วันที่ 4 แวะร้านยูนิโคล่-แวะสถานีโตเกียว-ร้านกีตาร์ที่ชิบูยะ(ภาค 2)-กลับโรงแรม

เรื่องนึงที่ลืมพูดไป แต่ไม่พูดคงไม่ได้
1.ร้านอาหารที่มีคนริวิวไว้ว่าอร่อยต้องมากินร้านนี้ๆ ถ้าไม่มากินก็เหมือนมาไม่ถึง เรื่องนี้มองได้ 2 มุมครับ ถ้าคุณมาแล้วได้กินก็ถือว่าโชคดีไป แต่อีกมุมคือ เมื่อมีคนมาให้ลายแทงไว้แบบนี้ 100 ทั้ง 100 มันก็มีคนแห่ไปกินกันหมดนั่นล่ะ แล้วก็เกิดการรอคอยขึ้น ถ้าบริการไม่ดี รสชาดไม่ถูกปากก็เสียความรู้สึกอีก  แล้วการรอคอยกับบ้านเรามันไม่ใช่ครับ รอนานมากเท่ากับเผาเวลาเล่นไม่ต้องไปทำอย่างอื่นกันพอดี ทัวร์กินไม่ใช่เป้าหมายเรา และการเปิดร้านอาหารที่ญี่ปุ่นต้องผ่านมาตรฐานครับไม่ใช่ขี้หมูขี้หมามาเปิดร้านกันได้ ร้านอะไรที่มันพอกินให้อิ่มได้เราก็กินไป ไม่อร่อยก็ยังมีที่ฝากท้องเยอะแยะไป

2.เพื่อนผมที่ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองหลายๆคนที่พอมีกำลังจะจ้างไกด์ท้องถิ่นครับ มีทั้งไกด์อาชีพและไกด์เถื่อน คือ คนไทยที่ไปอาศัยที่โน่นและพูดภาษาญี่ปุ่นได้ ธุรกิจนี้กำลังได้รับความนิยมและรายได้ดีพอสมควรเลย ส่วนตัวผม ผมคิดว่าถ้ามาเที่ยวเพื่อจะสร้างประสบการณ์ชีวิตด้วยตัวเองก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครถ้าเราเตรียมตัวมาดีมากๆ ก็ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินตรงนั้น มีคนช่วยนำทางส่วนตัวน่ะดีแต่เราก็ต้องออกค่ากินค่ารถให้เค้าอีก ถ้าความเห็นไม่ตรงกันก็ลำบากใจอีก ทะเลาะกันเองดีกว่า 555

ข้ามจากตึกม่วงมามืดพอดี เวลาราวๆ 5-6 โมงเย็นที่นี่มืดไวมาก 5 โมงก็มืดแล้ว เจี๊ยบยังขาดของฝากคือร่ม ตัดสินใจข้ามมาตลาดอะเมโยโกะมีร้านริมถนนพอดี เข้าไปดูก็ได้มา 1 คัน

ข้ามถนนกลับมาผมบอก 2 คนนั้นว่ามาถึงนี่แล้วไม่แวะร้านยูนิโคลหน่อยรึแม้ว่าเมื่อวานเราจะได้กระโปรงจากยูนิโคล่แถวโรงแรมแต่ร้านที่นั่นมันเล็กๆนะ ว่าแล้วก็จัดไปเข้าไปเลือกอยู่นาน สัมภาระจากการช็อปที่ตึกม่วงก็เยอะอยู่แล้ว ท้ายสุดเป้ก็ได้เสื้อกันหนาวมา 1 ตัวสมใจอยาก

เข้ามาใน JR สถานีโอคาชิมาชิ ใช้บัตร JR PASS ผ่านเข้ามาแต่ยังไม่จบครับ 

1.ของฝากยังขาดโตเกียวบานาน่าครับ ซื้อที่ไหนล่ะ? ก็ต้องโตเกียวนั่นล่ะ นั่งรถไฟไปลงโตเกียวออกมาปุ๊บก็สแกนหาร้านค้า เข้าไปถามที่ Information เค้าบอกให้เราตรงไปแล้วเลี้ยวขวาจะมีร้านค้า เดินไปไม่ถึง 10 เมตรก็เจอครับผมเข้าไปซื้อก่อนได้โตเกียวบานาน่ามา 2 กล่องใหญ่ มองดูสินค้าอื่นๆในร้านมี ขนมน่ากินหลายๆตัว ตอนแรกผมกะใช้เศษเหรียญที่เหลือจ่ายไปแต่พอเหลือบไปด้านหลังมีคนต่อคิวรอซื้อเพียบเลยไม่ดีกว่าใช้แบงค์ใหญ่จ่ายไป ส่วนเจี๊ยบหลังจากสังเกตการณ์ระยะนึงก็เริ่มซื้อตามผม เริ่มจากโตเกียวบานาน่า และขนม Hiyoko (ขนมลูกเจี๊ยบ) และที่ร้านนี้เจี๊ยบจะใช้เศษเหรียญทั้งหมดจ่าย แต่คนขายดันนับเหรียญไม่เก่งครับ เค้าใช้เวลานับเหรียญนานมากเกือบๆ5 นาทีจนคนที่รอคิวชะโงกหน้ามาดูทุกคน และดูแนวโน้มว่าจะไม่จบง่ายๆ ผมซึ่งยืนแอบอยู่ด้านหลังเลยออกมาและจ่ายเป็นธนบัตรแทนเจี๊ยบไปก่อน

2.เมื่อเช้าเราไปชิบูยะเพื่อไปร้าน GUITAR STATION แต่ร้านไม่เปิด ผมเลยบอกเจี๊ยบกับเป้ว่าขากลับแวะหน่อยไหนๆก็ไหนๆแล้ว เป็นอันว่าแวะชิบูย่าอีกที่

19.20 น.ออกจากสถานีชิบูยะ คราวนี้ผมเลือกออกมาอีกทางไม่แน่ใจฝั่งไหนแต่ป้ายบอกทางบอกว่าเดินตรงไปเป็นห้างโตคิว เราก็คิดว่าอ้อ แบบนี้ก็ใกล้สะพานลอยแล้วซิ ถาม 2 คนนั้นไม่ข้ามมาด้วยเพราะเหนื่อยแล้ว ผมเลยต้องหาที่นั่งให้ ไปได้ที่นั่งหน้าห้องน้ำ ตรงซูเปอร์ ชั้น B1 จากนั้นจัดแจงหาทางออกมาด้านบน พอออกมาปุ๊บยิ่งงงหนักมันตรงไหนกันวะ? เดินเลาะห้างไปก็เจอสะพานลอย รีบข้ามไปกลัวร้านจะปิดซะก่อน

19.30 น. ร้าน Guitar Station ร้านยังไม่ปิดครับ ผมเข้าไปแจ้งความประสงค์ว่าต้องการเอฟเฟคตัวนี้ เจ้าหนุ่มคนเดิมอยู่พอดีเค้าเปิดคอมแล้วเช็คสต๊อคว่ามีของเหลือมั้ย? ซักพักก็หายไปหลังร้านแป๊บนึงแล้วออกมาพร้อมเอฟเฟคตัวดังกล่าวและบอกว่าตัวนี้เลิกผลิตไปแล้วตัวนี้เป็นตัวสุดท้ายทางเรามีความยินดีที่จะขายให้คุณ ผมขอลองนิดหน่อยแล้วก็บอกว่าเมื่อวาน I มาซื้อของที่ร้าน You จำได้มั้ย? เค้าบอกจำได้ดี เสร็จแล้วผมรีบจ่ายเงินแล้วกล่าวคำเดิมว่าขอบคุณมากยินดีที่ได้พบคุณอีกครั้ง เค้าตอบว่าเช่นกัน  ไม่มีอารามภบทยืดยาวเนื่องจากต้องทำเวลาครับ

19.40 น. ข้ามสะพานลอยกลับมาเริ่มมีคำถามแล้ว เพราะห้างโตคิวมันมี 2 ฝั่งเลยแล้วฝั่งไหนวะ? เลือกฝั่งขวาที่มีตัวสถานีรถไฟก่อนเพราะเราไปบ่อย เข้าไปในห้างลงไปชั้นใต้ดิน อ้าววว ไม่ใช่เว้ยเฮ้ยย ต้องข้ามสะพานลอยกลับมาอีกฝั่ง หาบันไดลงไปชั้นใต้ดินเจอชั้นที่ว่าละ แต่มุมไหนหว่า? เดินคลำๆพักนึงก็เจอสองแม่ลูกนั่งเม้าท์แตกตรงบันไดหนีไฟ

 ขึ้นมาด้านบนเริ่มสับสนทิศอีกแล้วและเป็นความมักง่ายของผมเอง แทนที่จะข้ามสะพานลอยดันเสร่อข้ามถนน ข้ามมาปุ๊บเป็นห้างโตคิวฝั่งสถานีเดินมาแบบงงๆซักพักก็เจอทางเข้ารถไฟ JR ฝั่งฮาจิโกะ โอเคกลับถูกละ เราต้องนั่งไปลงที่ชินากาวะแล้วต่อรถไปที่โอโมริอีกที

มาถึงที่โอโมริราวๆ 20.10 น.เริ่มบ่นหิวกันอีกแล้ว อยากกินโยชิโนยะกันแต่ไม่รู้ว่าร้านมันอยู่มุมไหน? เห็นร้านโยชิโนยะกับโอโตยะวันแรกแต่วันอื่นๆพอจะกินดันไม่เจอ(มันเป็นแบบนี้เสมอล่ะ หึหึหึ) เดินหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ ถามเป้ว่าจะกินร้านอุงด้งที่กินวันแรกมั้ย? เป้บอกไม่เอา

20.30 น.ยืนตกลงกันตั้งนานร้านอาหารก็ปิดไปหลายๆร้านเพราะเป็นวันอาทิตย์(ร้านส่วนใหญ่ที่ญี่ปุ่นจะหยุดวันอาทิตย์) สุดท้ายจบทีผมกับเจี๊ยบไปที่ร้าน SUKIYA ซื้อแบบกลับบ้าน ไปหน้าร้าน ร้านยังไม่ปิดครับ แต่พนักงานหายไม่มีคนเลย ผมเลยตะโกนเรียกว่า SUMIMASE (ขอโทษครับ) มีพนักงานออกมาพ่นญี่ปุ่นเป็นชุด พลาดอีกแล้วกรู T T ผมพูดอังกฤษกับเค้าว่าขอเมนูด้วย แต่เค้าไม่เข้าใจครับ สื่อกันนานคนนึงพูดญี่ปุ่นมาเราพูดอังกฤษกลับไปก็ไม่รู้ว่าเค้ารู้เรื่องมั้ย เราบอกว่าจะซื้อกลับบ้านใส่กล่อง จนถึงเวลาจ่ายเงินก็ได้ของมาครบ แอบจิ๊กช้อนมา 2 คันมาใช้ที่เมืองไทยด้วย อิอิ ส่วนเป้ไปได้โอเด้งเหมือนเดิม กลายเป็นอาหารโปรดไปแล้ว แฮะๆๆ ระหว่างทางมีร้านขายไก่ทอดใกล้โรงแรมไม่เคยลองก็ซื้อมาขีดนึงกินบนโรงแรม

21.00 น.ถึงโรงแรมแบบสะบัดสะบอม รื้อของกินก่อน พร้อมจัดระเบียบของฝาก เหลือแค่ ROYCE ที่สนามบินแค่นั้น คืนนี้คงต้องนอนดึกนิดเพราะต้องจัดของเตรียมเดินทางพรุ่งนี้ด้วย 
ของเจี๊ยบสั่งข้าวหน้าหมูย่าง ของผมเป็นข้าวหน้าเนื้อครับ รสชาดจืดๆ ที่เมืองไทย SUKIYAเราก็ไม่เคยกินนะ เมนูนี้ถือว่าไม่ผ่านครับ
ของเป้เป็นโอเด้งครับ เอามาไม่เยอะเพราะเรามีไก่ทอดแล้ว
บรรดาของฝากทั้งหลายเยอะมากๆ
ส่วนเป้ดูจะเห่อเสื้อกันหนาวใหม่ใส่ตลอด อิอิ J
เศษเหรียญที่เหลือเยอะพอดู เผื่อไว้ซื้ออะไรที่สนามบินอีกที
Vemuram Neoplex เป็นเอฟเฟครุ่นที่เลิกผลิตไปแล้วครับ เมืองไทยไม่มีขายละคนเริ่มหากัน แต่ที่ญี่ปุ่นยังพอหาได้บ้าง
ขนมและของฝากต่างๆ
น้ำหอมแอบผิดหวังนิดๆครับมีน้อยกว่าที่คิดเยอะ ที่มุสตาฟาดูละลานตากว่า ตอนที่ไปลองน้ำหมอที่ห้างทาเคยะมีแต่คนไทยทั้งนั้นครับที่มุง
ตั๋วรถไฟวันนี้ครับ
ใบเสร็จเพียบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
กาว UHU กะซื้อมาแปะของฝากว่าของใครบ้าง แต่สุดท้ายใช้ไม่ได้ครับ
กาแฟพร้อมดื่มยี่ห้อดังของที่โน่น เจี๊ยบซื้อให้ครับ
ค่าใช้จ่าย
ลำดับ
ค่าใช้จ่าย
ราคา(Y)
1
ค่ารถไฟ One Day Pass
750
2
ค่ารถไฟใต้ดินไป-กลับ
170 x 2 เที่ยว
3
ค่าขนมไทยากิ      
154
4
ค่าขนมเซมเบ้        
108
5
ค่าไก่ทอด 1 ขีด    
220
6
กาว UHU ที่แฟมิลี่มาร์ท     
334
7
ค่าน้ำหอมที่ห้างทาเคยะ     
31,148
8
ค่าขนมที่ห้างทาเคยะ
5,708
9
ข้าวหน้าเนื้อร้าน SUKIYA   
853
10
โตเกียวบานาน่า
2,109
11
ขนมลูกเจี๊ยบ         
2,106
12
Vemuram Neoplex
39,600  
13
ค่าทำบุญที่วัดเซ็นโซจิ
50